สร้างความฮือฮาทันทีหลังจากวางแผง ด้วยยอดจำหน่าย 450,000 ก๊อปปี้ในญี่ปุ่น สำหรับ Back Street Girls ที่มีพล็อตเรื่องสุดแนว ที่เปลี่ยนยากูซ่าหนุ่มดิบเถื่อน มาเป็นไอดอลสาว โดยจัสมิน กิวห์ (Jasmine Gyuh) ตอกย้ำความดังด้วยอะนิเมะชื่อเดียวกัน Back Street Girls: Gokudolls ในปี 2018 ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถรับชมได้ทาง Netflix ตามมาด้วยฉบับภาพยนตร์ฉบับคนแสดง ด้วยฝีมือการกำกับของ ฮาระ เคย์โนสุเกะ (Hara Keinosuke : 原桂之介) ฉายอย่างเป็นทางการที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเข้าฉายก็สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการปล่อยเวอร์ชั่นโทรทัศน์ ด้วยทีมงานชุดเดิมทั้งหมด เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หลังเกิดความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ เคนทาโร่ (ลูกพี่), เรียว และคาสุฮิโกะ 3 หนุ่มจากแก๊งยากูซ่า ต้องเลือกบทลงโทษระหว่างตัดขา ควักอวัยวะภายใน หรือแปลงเพศเพื่อเป็นไอดอล ทันทีที่เลือกวิธีลงโทษสุดท้าย จากไอเดียสุดบรรเจิดของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่เห็นกลุ่มไอดอลสาวอย่าง AKB48 ประสบความสำเร็จ ทั้ง 3 ถูกส่งตัวไปยังประเทศไทยทันทีเพื่อรับการโมดิฟายตั้งแต่หัวจรดเท้า และแล้วไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มใหม่ก็ได้ถือกำเนิด ในชื่อ “โกคุดอลล์” 3 สาว 3 สไตล์ ไอริ พี่ใหญ่ผู้มีความเป็นผู้นำสูง มาริ พี่รองผู้มีโลกส่วนตัว และจิกะ น้องเล็กน่าทะนุถนอม พีคไปกว่านั้น พวกเขาดังอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพลักษณ์ภายนอกที่แบ๊วใสถูกใจโอตะ แต่ภายในคือยากูซ่าเลือดร้อน ความขัดแย้งกันเองทำให้เกิดความฮาอย่างคาดไม่ถึง
ผู้เขียนไปชมภาพยนตร์อย่างไม่รู้เนื้อเรื่องมาก่อน และเมื่อเปิดเรื่อง ภาพยนตร์ไม่มีอินโทร โหมโรงใด ๆ ยิงมุกตั้งแต่เปิดมารัว ๆ สาดวิธีคิดและวัฒนธรรมยากูซ่าในแบบที่ผู้เขียนไม่ค่อยเข้าใจ ค่อนข้างรวบรัดเรื่องไวไปสักนิด
ภาพยนตร์ปรับโทนให้การต่อสู้อันดุเดือดนั้นซอฟต์ลง แต่ไม่ทำให้อรรถรสความมันลดลง ใครสายบู๊ก็น่าจะถูกอกถูกใจ สำหรับสายฮา ถ้าให้ผู้เขียนนิยามความฮาก็คงเป็นมุกตลกที่ขออนุญาตก่อนเล่น เพราะแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัวและเข้าเส้นเหลือเกิน ในขณะที่พาร์ทดราม่า ปมของตัวละครที่ไม่คิดว่ามี ก็มีได้อย่างน่าชื่นชม แต่เดิมทั้ง 3 เป็นชายชาตรี แมน ๆ เตะบอลคุยกัน แต่เพราะความผิดพลาดที่ต้องแปลงเพศ หน้าที่ความรับผิดชอบ บทบาททางเพศเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ใจอยากทำเหมือนตอนเป็นผู้ชายก็ทำไม่ได้ไปตลอดกาล มองเผิน ๆ ก็ตลก แต่พอมองให้ลึกลงไปก็เศร้าเหมือนกันนะคะ
ความน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ การคุย ทะเลาะ การขจัดความขัดแย้งภายในจิตใจกับตัวเองของแต่ละตัวละคร ที่ภาพยนตร์เลือกตัดสลับระหว่างนักแสดงหลักหญิงและชาย เพื่อฉายให้เห็นว่า ถึงภายนอกฉันจะมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ภายในใจฉันยังเป็นคนเดิม ถือว่ายากที่จะทำให้คนดูไม่สับสน แต่ตัวภาพยนตร์ทำได้ดี ผู้เขียนขอปิดด้วยประโยคที่ผู้เขียนชอบที่สุด “ฉันไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ฉันต้องลุกขึ้นมาเพื่อตัวเองสักที”