What's happening?

Video Sources 531 Views Report Error

  • Watch trailer
  • Ant-Man 2 (2018) แอนท์แมน 2 และ เดอะ วอสพ์
Ant-Man 2 (2018) แอนท์แมน 2 และ เดอะ วอสพ์

Ant-Man 2 (2018) แอนท์แมน 2 และ เดอะ วอสพ์

Your rating: 0
9 1 vote

Synopsis

Ant-Man and the Wasp จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่หายไปช่วงอเวนเจอร์ส 3

หลายคนคงสงสัยว่า แอนท์-แมนหายไปไหนในอเวนเจอร์สภาคล่าสุด ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ทำไมพี่แกไม่ไปช่วยคนอื่นๆ ซึ่งนี่เป็นโจทย์ที่ท้าทายจริงๆ สำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เนื่องมาจากความพีคของจักรวาลมาร์เวล มันดำเนินมาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอเวนเจอร์ มหาสงครามล้างจักรวาล ที่ได้ชมกันไปตอนเดือน เมษาแล้ว ทุกคนรู้จุดจบของภาคนั้นอยู่แล้ว จะทำหนังเดี่ยวยังไงที่ใช้ช่วงเหตุการณ์ ก่อนในอเวนเจอร์

เนื้อเรื่องภาคนี้ก็ดำเนินตามตัวอย่างที่ปล่อยออกมาให้ชมกันนั่นก็คือ เป็นเหตุการณ์หลังจาก Captain America Civil War เมื่อแอนท์-แมนได้ช่วยกัปตันอเมริกาหลบหนีการจับกุม จนทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก ติดทัณฑ์บน ต้องอยู่ภายในบ้านของตัวเองให้ครบกำหนด ไม่งั้นจะโดนจับขังคุก แต่เรื่องราวยุ่งๆ ต่างๆ ก็ดันมาเกิดช่วงปลายๆ ของทัณฑ์บนนี้ แอนท์-แมนเลยต้องใช้กลเม็ดต่างๆ ในการหลอกล่อให้ไม่ถูกจับได้ว่าหนีออกจากบ้าน

นอกจากปมของแอนท์-แมนที่เป็นผลกระทบมาจาก CivilWar แล้วประเด็นหลักๆ ของภาคนี้ยังคงดึงประเด็นของครอบครัวของแฮงค์พิม ที่ต้องสูญเสียเจนเน็ต ภรรยาอันเป็นที่รัก (เดอะวอส์ป) คนแรก ไปในภาระกิจลับเมื่อปี 1996 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจนเน็ต ยังไม่ตาย และได้พยายามติดต่อให้ทุกคนไปช่วยเหลือเธอออกจากมิติควอนตั้ม

ต้องยอมรับจริงๆ ว่าภาคนี้เป็นหนังที่เนื้อเรื่องจะเป็นตัวของตัวเองโดดๆ ไม่ได้มีฮีโร่คนอื่นๆ มาช่วย หรือมาเอี่ยวด้วยแต่อย่างใด เป็นหนังภาคแยกภาคเดี่ยวที่ดำเนินเรื่องสนุกใช้ได้ เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นตลอดทั้งเรื่อง แถมมาด้วยมุขฮาๆ และเสน่ห์จากภาคแรกก็ไม่ได้หายไป พร้อมทั้งปิดฉากเรื่องด้วย Mid-cradit ที่ทำให้ต้องชวนว้าว และอยากดูต่อไวๆ เลยทีเดียว

เป็นหนังที่เหมาะกับคนที่เคยดูภาคแรก และ Civilwar มาก่อนเท่านั้นจริงๆ ไม่งั้นคงจะเก็บประเด็นต่างๆ ในเรื่องได้ไม่ครบ ส่วนตัวผมเองชอบในการกระจายบนให้แต่ละตัวละคร และการตัดต่อ มากกว่าอเวนเจอร์ส์ 3 ซะด้วยซ้ำไป (เรื่องนั้นเหมือนกับการตัดฉากต่างๆ มาแปะๆ ให้ครบๆเป็นเรื่องราวยาวแค่นั้นจริงๆ)

นี่ก็เป็นครั้งที่ 3 ที่เราได้เห็นฮีโร่ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นมา นับตั้งแต่ครั้งแรกใน Ant-Man (2015) จนครั้งต่อมาใน Captain America: Civil War (2016) และล่าสุดกับภาคต่ออย่างเป็นทางการของ Ant-Man ในชื่อเรื่องที่ว่า Ant-Man and the Wasp โดยมีชื่อแปลไทยอย่างง่ายๆ ว่า แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์ (ทั้งๆ ที่ภาคแรกตั้งชื่อซะเท่เลย “มนุษย์มดมหากาฬ” เงี้ย) ถือว่าทิ้งช่วงมา 3 ปีให้เราได้กลับมาพบกับตัวละครตัวนี้อีกครั้ง แต่ในภาคนี้ได้มีคู่หูคู่ใจมาอีก 1 นั่นก็คือ The Wasp ที่ทั่งสวย เก่ง และเท่ ในแบบฉบับสาวบู๊

หนังในจักรวาล MCU แต่ละเรื่องล้วนก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บอกมาตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้วว่า “เราสายฮานะ” ด้วยองค์ประกอบการเล่าเรื่อง ตัวละคร บรรยากาศต่างๆ มุกเอย อะไรเอย ที่ชวนให้ยิ้มหัวเราะเกือบทั้งเรื่อง

หนังเรื่องนี้เปรียบเสมือน Side-story ของ Avengers: Infinity War กับคำถามที่หลายๆ คนสงสัยว่า “Ant-Man หายไปไหน?” นั่นแหละคำตอบก็อยู่ในเรื่องนี้ เพราะเนื้อเรื่องในภาคนี้เป็นเรื่องราวสืบเนื่องมาจาก Captain America: Civil War ซึ่ง ดูๆ แล้วเรื่องราวในภาคนี้ก็เป็นเรื่องราวที่ไม่มีฉากเครียดสักเท่าไหร่ แต่ทำออกมาได้บันเทิงสุดๆ

ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะแฝงไปด้วยความตลกชวนหัวเราะขนาดนั้น แต่ทางด้านฉากแอ็คชั่นก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย ถึงแม้อาจจะไม่ได้มีเยอะเหมือนหนัง MCU เรื่องอื่นๆ แต่มี 2 ฉาก ที่แอดชอบมากๆ คือฉากบู๊แรกของ The Wasp ที่ทั้งดูเท่ มีสไตล์ รุนแรง และฉากขับรถสู้กันในช่วงเกือบท้ายเรื่อง โดยภาพรวมแล้วทำเราได้เห็นเลยว่าในเรื่องนี้ได้นำการย่อ/ขยายไซส์ มาใช้กับเนื้อเรื่องได้อย่างลงตัวมากๆ บวกกับการแสดงของเหล่ากลุ่มตัวเอก

ไม่ว่าจะเป็น Paul Rudd (Scott Lang / Ant-Man) ที่ภาคนี้จัดหนักจัดเต็ม เล่นใหญ่ โคตรฮา และไม่กลัวเสียฟอร์มเลยแม้แต่น้อย ประกบคู่มากับ Evangeline Lilly (Hope Van Dyne / The Wasp) ที่ดูเป็นสาวดุ ขาลุย และเท่เอามากๆ ซึ่งทำให้เคมีเข้ากับพระเอกได้เป็นอย่างดี ตามมาด้วย Michael Douglas (Dr. Hank Pym) ที่มีบทบาทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากภาคแรก และทำให้ทั้ง 3 คนพอมาอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด และเหล่าตัวประกอบที่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้อย่าง Michael Pena (Luis) ที่โผล่มาทุกฉากต้องฮา แค่เห็นหน้าเราก็ฮาแล้ว แถมในภาคนี้ยังมีฉากพล่ามของเขาอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว และตัวประกอบอื่นๆ ที่เล่นได้ดีไม่แพ้กันเลย ไม่ว่าจะเป็น Laurence Fishburne (Dr. Bill Foster ), Michelle Pfeiffer (Janet Van Dyne / The Wasp) และตัวละครเพื่อนพระเอกที่ถึงแม้เราได้เห็นพวกเขาเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น แต่พวกเขาก็แสดงออกให้เราเห็นแล้วว่าแสดงได้ดีเลยแหละ

แต่ที่น่าผิดหวัง คงจะเป็น “คาแร็คเตอร์ของตัวร้าย ที่เหมือนใส่มางั้นๆ” กับตัวละครอย่าง Ghost ที่เปิดตัวออกมาได้น่าสนใจ แต่ก็…นะ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เผื่อใครดูมาแล้วก็คงเข้าใจเหมือนกัน และเรื่องราวของมิติควอนตัมที่ภาคแรกปูมาได้น่าซับซ้อน ลึกลับ เป็นมิติที่เข้าแล้วออกมาไม่ได้ แต่ในภาคนี้เข้าออกกันง่ายราวกับประตูหน้าบ้านหลังบ้านตัวเองซะอย่างงั้น – –

สรุป ในเวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงที่คุณได้ดูเรื่องนี้ คุณจะได้รับความ “บันเทิง” ไปเต็มๆ เหมือนดูหนังตลก รอมคอม ครอบครัวที่มีธีมเป็นซูเปอร์ฮีโร่ยังไงยังงั้น ที่ถึงแม้ว่าหนังจะเป็นมนุษย์มดขนาดจิ๋ว แต่ก็แบกความสนุกมาเท่าตัวเลยที่เดียว

ปล. หนังเรื่องนี้มี Mid-Credit และ End-Credit ซึ่งบอกเลยตัวแรกว้าวแค่ไหน ตัวที่สองว้าวยิ่งกว่า!!!

Original title Ant-Man 2 (2018) แอนท์แมน 2 และ เดอะ วอสพ์

Director

Director

Cast

Similar titles

The Magic School Bus Rides Again In the Zone (2020) เมจิกสคูลบัสกับการเดินทางสู่ความสนุกในโซน
Occupation (2018) มันมายึดครอง
LA Apocalypse (2014) มหาวินาศแอล.เอ.
Quick (2011) หยุดเวลาซิ่งระเบิดเมือง
Awake (2019) เมื่อยามตื่นขึ้น
Wukong (2017) หงอคง กำเนิดเทพเจ้าวานร
Hitman Agent Jun (2020) มือสังหารสายอาร์ต
Machete (2010) ระห่ำ กระฉูด
Pirates of the Caribbean 4 On Stranger Tides (2011) ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลก
Man On Fire (2004) คนจริงเผาแค้น
BattleShip (2012) ยุทธการเรือรบพิฆาตฝูงเอเลี่ยน
Miami Vice (2006) ไมอามี่ ไวซ์ คู่เดือดไมอามี่