ละคร “เทพบุตรแวมไพร์ (Blood)” กำกับและเขียนบทโดยทีมงานจากละครเรื่อง “ฟ้าส่งผมมาเป็นหมอ (Good Doctor)” เดิมมีการติดต่อให้ “ชอง อิลวู” (จากเดอะ รีเทิร์น ออฟ อิลจิแม / อัศวินรัตติกาล) และ “ยู ยอนซอก” (จากเรื่อง Reply 1994 คิดถึงเธอ) เป็นนักแสดงนำ แต่ทั้งคู่ต่างติดปัญหาเรื่องคิวงาน โดยอิลวูต้องเดินสายโปรโมทละคร “อัศวินรัตติกาล” ในต่างประเทศ ส่วนยอนซอกติดถ่ายทำภาพยนตร์ บทดังกล่าวจึงตกเป็นของ “อัน แจฮยอน” นายแบบหนุ่มที่เพิ่งประเดิมบทพระเอกในเรื่องนี้เป็นครั้งแรก (เขาเล่นละครครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยรับบทน้องชายนางเอกในเรื่อง “ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว” )
เนื้อหาในละครกล่าวถึงเรื่องราวของ “ปาร์ค จีซัง” ศัลยแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี ซึ่งผ่านการเป็นหมอฝึกหัดในศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลชั้นนำของโลกมาแล้วหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น เมโยคลีนิค ที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา, ศูนย์โรคมะเร็งเอ็มดี เอ็นเดอร์สัน ในรัฐเท็กซัส, โรงพยาบาลรอยัลลอนดอน ที่สหราชอาณาจักร และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิค (München) ประเทศเยอรมนี
นอกจากนี้ เขายังเป็นหมอนักวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย
ด้วยความที่เป็นหมอเขาจึงเห็นคุณค่าของการมีชีวิตและคอยปกป้องชีวิตผู้คน แต่การเป็นหมอผ่าตัดที่ต้องเห็นเลือดผู้ป่วยไม่เว้นแต่ละวันกลับสร้างปัญหาให้เขาไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นหมอแล้วเขายังเกิดมาเป็น “แวมไพร์” หากไม่ได้ทานยาก่อนเห็นเลือดหรือเข้าห้องผ่าตัด เขาจะกลายร่างเป็นแวมไพร์กระหายเลือดทันที
มื่อกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายกบฏมาถึง จีซังก็แนะนำตัวเป็นภาษาโรมาเนียโดยบอกว่า ตนเป็นหมอพลเรือนจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิวนิค ประเทศเยอรมนี หวังว่าทุกคนจะปล่อยตนกับคนไข้เด็กตามหลักมนุษยธรรม เมื่อเห็นว่ากลุ่มกบฏไม่ยอมอ่อนข้อทั้งยังใช้ปืนจ่อและสั่งให้เขาคุกเข่า จีซังจึงเตือนว่าถ้าอยากเดินออกไปดีๆ ก็จงหลีกทางให้พวกตน กลุ่มกบฏได้ยินดังนั้นจึงระดมยิงจีซังทันที จีซังรีบเข็นเตียงคนไข้ให้พ้นทางก่อนถูกยิงจนร่างพรุน ไม่นานเขาก็กลายร่างเป็นแวมไพร์ยอดนักบู๊และจัดการกับกลุ่มกบฏจนนอนแน่นิ่งไปตามๆ กัน
เขาบอกคนดูว่า “ผมเป็นแวมไพร์ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ผมติดเชื้อไวรัส ‘VBT-01’ เชื้อ VBT-01 สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น (โรคติดต่อทางพันธุกรรม) สาเหตุของโรคยังไม่ปรากฏแน่ชัดและยังไม่มียารักษา ไวรัสชนิดนี้จะกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ “เทโลเมอเรส”* ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการชราภาพของมนุษย์ ผลก็คือผู้ติดเชื้อจะมีอายุขัยยาวนานกว่าคนปกติ 300 เท่าและมีพลังเหนือธรรมชาติ หากผู้ใหญ่ติดเชื้อ…กระบวนการ
ชราภาพจะหยุดทำงานทันที (ไม่แก่ลงไปกว่านี้) แต่ถ้าเป็นวัยรุ่น…กระบวนการชราภาพจะหยุดลงในอีก 5-6 ปีข้างหน้า แล้วร่างกายก็จะอยู่ในสภาพนั้น (หนุ่ม-สาว) ตลอดไป ผู้ติดเชื้อแต่ละคนจะมีสมรรถภาพทางกายเหนือคนปกติมาก แถมร่างกายยังรักษาหรือซ่อมแซมตนเองได้ แต่แสงอาทิตย์ยามเช้าและแสงธรรมชาติที่สว่างจ้ามากๆ อาจทำให้ถึงตาย และเวลากระหายเลือดแต่ละครั้งจะทรมานมาก… ผมไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่ตรงกลางระหว่างคนเป็นและคนตาย”