ควันหลงจากเทศกาลตรุษจีนยังคงไม่หมดไป เพราะว่าสัปดาห์นี้ยังคงมีภาพยนตร์จีนที่เข้าฉายถึง 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกนั้นเป็นหนังที่มีคุณเฉินหลงเล่นด้วย แต่ผมเพิ่งแนะนำหนังที่คุณเฉินหลงเล่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเอง ก็เลยไม่เลือกเรื่องนี้ หันมาเลือกอีกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้สร้างเขากล้าหาญมาก เพราะเป็นหนังจีนกำลังภายในเรื่องแรกของโลกที่ใช้ระบบ 3D เรื่อง “ยาจกซู ตำนานหมัดเมา” (True Legend) นั่นเอง ก่อนที่จะคุยเรื่องหนังผมยังขัดๆ เขินๆ กับคำโฆษณาที่บอกว่าเป็นหนังจีนกำลังภายในเรื่องแรกที่ใช้ระบบ 3D อยู่ เพราะว่าผมยังจำได้แม่นยำเลยว่าหนังจีนกำลังภายในที่เป็นระบบ 3D เรื่องแรกที่ผมดูนั้นมันเป็นเรื่อง “จอมดาบทะลุฟ้า” ซึ่งมันก็เป็นภาพยนตร์จีนกำลังภายในในระบบ 3D เช่นเดียวกัน แต่ผมดูมาน่าจะ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมเลยพยายามคิดไปทางแง่ดีว่าเขาอาจจะหมายถึงระบบ 3D รุ่นใหม่ที่ยังไม่มีหนังจีนเรื่องไหนใช้มาก่อนมั้ง ยาจกซู ตำนานหมัดเมา TRUE LEGEND จะกล่าวถึงเรื่องราวความเป็นมาของวิชาต่อสู้ที่เรียกว่า “หมัดเมา” ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ใครเป็นผู้ใช้วิชาหมัดเมานี้ ถึงขนาดที่ปัจจุบันกลายเป็นตำนานไปแล้ว ผู้กำกับเรื่องนี้คือคุณหยวน หวู ปิง (Yuen Wo Ping) ได้ฉายาว่าเป็นผู้กำกับคิวบู๊อันดับหนึ่งของโลก ผลงานเรื่องแรกที่คุณหยวนกำกับคือ “Snake in the Eagles Shadow” หรือมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า “ไอ้หนุ่มพันมือ” นั่นเอง หนังเรื่องนี้ยังถือเป็นหนังต้นกำเนิดของคุณเฉินหลงที่มารับบทเด่นในเรื่องนี้ด้วย และเรื่องที่สองของคุณหยวนก็คือเรื่อง Drunken Master หรือ “ไอ้หนุ่มหมัดเมา” ที่ได้เฉินหลงมาเล่นเป็นตัวเด่นให้อีก หลังจากนั้นเขาก็กำกับหนังอีกหลายเรื่อง และเรื่อง Fist of Legend “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” ก็ไปเข้าตาผู้กำกับชาวฮอลลีวู้ดเข้า จึงเชิญชวนเขาให้มาออกแบบฉากต่อสู้ให้กับภาพยตร์เรื่อง “The Matrix” ซึ่งก็ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้น หลังจากนั้นคุณหยวนจึงออกแบบท่าการต่อสู้ให้กับภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดอีกหลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่น Crouching Tiger Hidden Dragon, Kill Bill ภาค 1 & 2 , The Forbidden Kingdom ส่วนภาพยนตร์เรื่อง True Legend หรือยาจกซูนี้ถือเป็นโปรเจคท์ในฝันของ คุณหยวน หวู่ ปิง เลยทีเดียว เนื้อเรื่องรวมๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนมาก เรียกว่าเรียงลำดับ 1..2..3.. ไปเรื่อยๆ ตามตำนานที่กล่าวไว้ ความสนุกก็เหมือนดูหนังจีนกำลังภายในทั่วๆ ไปเรื่องหนึ่ง แต่จุดที่ดึงดูดนักดูหนังก็คงเป็นเรื่องของ ระบบ 3D ที่หนังเรื่องนี้โฆษณาไว้ก่อนหน้าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉาย หลายคนที่เป็นนักดูหนังคงติดอกติดใจกับระบบ 3D ของภาพยนตร์เรื่อง AVATAR กันมาแล้ว และคิดว่าหนังเรื่องนี้ที่โฆษณาไว้ว่าเป็นหนังระบบ 3D เหมือนกันก็คงมีเทคนิคไม่แพ้กัน แต่… แต่ที่ไหนได้ เมื่อเข้าไปดูจึงรู้ว่า ระบบ 3D ของภาพยนตร์เรื่องนี้มีไม่ทั้งเรื่อง คือมีเป็นช่วงๆ เท่านั้น ช่วงไหนที่เป็นระบบ 3D ก็จะมีโลโก้ 3D ปรากฏขึ้นบนจอด้านขวาบน เพื่อให้ผู้ชมทราบว่ากำลังจะเข้าสู่ระบบ 3D แล้วนะ แต่จบช่วงไหนก็ต้องเดากันเอาเองครับ เพราะว่าไม่มีการแจ้งให้ทราบเหมือนตอนเข้าระบบ