ที่ทะเลทราย พรมแดนระหว่างสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกฮาเวียร์โรดวิเกวซ(เบนิซิโอ เดล โทโร่)นายตำรวจหนุ่มตงฉินชาวเม็กซิกันและมาโนโลซานเชส(เจคอบ วาร์กัซ)คู่หูอยู่ระหว่างการจับกุมแก๊งค์ค้ายาเสพย์ติดทั้งคู่สังกัดอยู่ในกรมตำรวจที่มีนายพลซาลาซ่า(โธมัส มิเลียน)ซึ่งเมื่อทั้งคู่สามารถจับแก๊งค์ค้ายาได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้นายพลซาลาซ่ากระเทือนเท่านั้น เพราะแก๊งค์ค้ายาเหล่านี้ก็ตกอยู่ภายใต้การคุ้มครองของนายพลซาลาซ่า และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความลุ่มหลงและละโมบฮาเวียร์จึงพยายามที่จะต่อต้านแต่ยิ่งต่อต้านมากเท่าใดเขาก็พบว่าตัวเองและเพื่อนคู่หูถลำลึกลงไปในวังวนของความฉ้อฉลมากขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกันที่อเมริกาอัยการศาลสูงแห่งนครชิคาโก้ โรเบิร์ต เวคฟิล์ด(ไมเคิล ดักลาส)ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแห่งการต่อต้านยาเสพย์ติดรายใหม่เวคฟิล์ดจึงพร้อมที่จะลุยขจัดกลุ่มค้ายาเสพติดอย่างเต็มที่ โดยขอความร่วมมือจากทางการเม็กซิโกอย่างไรก็ดีที่บ้านเขาและภรรยา-บาบาร่า(เอมี่ เออร์วิ่ง)ต้องพบว่าลูกสาววัยรุ่นของเขาคือแคโรไลน์(อีริคก้า คริสเตนเซ่น)กำลังติดยาเสพย์ติดอย่างหนัก
ขณะเดียวกันที่ซานดิอาโกตำรวจนอกเครื่องแบบแห่งหน่วยต่อต้านยาเสพติดแห่งอเมริกา (DEA) มอนเทล กอร์ดอน(ดอน ชีดเดิล)และเรย์แคสโทร(หลุยส์ กุซแมน)กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือทางการรวบตัวกลุ่มค้ายาเสพย์ติดที่ชื่อว่าโอเบรกอน(เบนจามิน แบรด)ระหว่างนั้น พวกเขาสามารถจับกุมนักลักลอบขนส่งยาเสพย์ติดระดับกลางแถวชื่อเอดูอาร์โดรูอิซ(มิเกล เฟอร์เร่อ)ได้ซึ่งผลการตามจับรูอิซได้นำพวกเขาไปสู่เจ้าพ่อค้ายาผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียง คาร์ลอส อยาล่า(สตีเว่น บราวเออร์)ในบ้านของเขาแถบชานเมืองการถูกจับของคาร์ลอสสร้างความตกใจให้กับคนรอบข้างของเขาเป็นอันมากโดยเฉพาะภรรยาสาวที่กำลังตั้งท้องเฮเลน่า (แคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์)ด้วยความช่วยเหลือของ อาร์นี่ เม็ทซ์เกอร์(เดนนิส เคว้ด)ทนายความเฮเลน่าตั้งใจว่าเธอจะต้องนำตัวคาร์ลอสออกจากคุกให้ได้ ไม่ว่าวิธีใด แม้ว่าจะต้องเข้าดูแลธุรกิจแทนสามีก็ตาม
Traffic เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาแบบภาพยนตร์อิสระ ใช้ทุนสร้างต่ำ โดยใช้การดำเนินเรื่องแบบภาพยนตร์สารคดี บทภาพยนตร์เขียนขึ้นโดย สตีเฟ่น กาแกน นักเขียนบทชาวอังกฤษ ซึ่งดัดแปลงมาจากบทภาพยนตร์ที่ฉายทางโทรทัศน์ของอังกฤษก่อนหน้านี้ชื่อ Traffik ซึ่งเขียนมาจากประสบการณ์ของตนเองที่เคยติดยาเสพย์ติดมาก่อนมาถ่ายทอดเรื่องราว และกำกับการแสดงโดย สตีเว่น โซเดอเบิร์ก ผู้กำกับชาวอเมริกัน ที่ประสบความสำเร็จมาก่อนกับภาพยนตร์อิสระหลายเรื่องก่อนหน้านี้
โดยภาพยนตร์แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็น 3 เรื่อง ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนั้นผู้คนล้วนแต่ไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ดำเนินเรื่องไปพร้อม ๆ กัน และดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวพันกัน
ได้รับการวิจารณ์ไปในทางที่ดีแทบทั้งสิ้น เช่น ในเว็บไซต์IMDbได้ให้คะแนนถึง 7.8 ดาวจากทั้งหมด 10 ดาว ในส่วนของนักวิจารณ์ชาวไทยอย่าง สนานจิตต์ บางสะพาน ได้ให้คะแนนไปทั้งหมด 4 ดาว และเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ว่า
Traffic คือหนัง ยอดเยี่ยมที่สุดของปี 2000 สำหรับหนัง 5 เรื่องสุดท้ายที่เข้าชิงออสการ์เหนือชั้นกว่า Gladioator ชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น
พร้อมกับเขียนกระทบกระเทียบกับสถานการณ์ยาเสพย์ติดในประเทศไทย และวิจารณ์ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะนั้นต้องไปดู
ขณะที่สิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์ นักวิจารณ์ชาวไทยอีกคนได้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ 3 ดาวครึ่ง และเขียนไว้ในสื่อฉบับเดียวกันนี้ว่า
ความน่าทึ่งของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การวางรายละเอียดที่สอดประสานและเรียงร้อยเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืนพอเหมาะ แม้ 3 เรื่องหลักของตัวละครเอกสามคนจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยงโยงกันและกัน หากก็มี “ยาเสพย์ติด” คือคำตอบสุดท้ายที่ทำให้ตัวละครทั้งสามคนเปลี่ยนความคิด-จากจุดเริ่มต้นของแต่ละคน อีกทั้งเป็นการเปลี่ยนชนิดยืนกันคนละฟากจากตอนต้นเรื่องกันเลยทีเดียว
แม้ทั้งสามเรื่องหลักจะแยกประเด็นคนละส่วน แต่ในรายละเอียดของแต่ละเรื่องยังสอดแทรกและมีส่วนย่อย ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่พยายามทำหน้าที่ให้สมกับการเป็นผู้รักษากฎหมาย หรือทนายเลวที่มองเห็นธุรกิจและอำนาจเป็นสิ่งที่น่าลิ้มลอง
Traffic ประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อเข้าฉาย จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์ไปในสังคมอเมริกันอยู่ในระยะที่เข้าฉายถึงเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพย์ติดและการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภาพยนตร์มีความโด่นเด่นอย่างมากกับการแสดงของ เบนนิซิโอ เดล โทโร่ ที่รับบทเป็นนายตำรวจหนุ่มตงฉินที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์กดดันภายในจิตใจตนเองระหว่างความถูกกับความผิด ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำประจำปี 2000 5 สาขา ได้รางวัลไป 2 สาขา คือ นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม คือ เบนนิซิโอ เดล โทโร่ และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีเดียวกันนั้นถึง 5 รางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถคว้าไปได้ถึง 4 รางวัลด้วยกัน ขาดเพียงแค่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่ตกเป็นของ Gladiator ซึ่งเป็นภาพยตร์ฟอร์มใหญ่แห่งปี
อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการภาพยนตร์ด้วย คือ เป็นครั้งแรกที่มีภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเข้าชิงพร้อมกันถึง 2 เรื่องจากผู้กำกับคนเดียวกัน คือ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก ซึ่งอีกผลงานอีกเรื่องของโซเดอเบิร์กที่ได้เข้าชิง คือ Erin Brockovich
ในสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์ออกฉายในวันที่ 5 มกราคม 2001 ในประเทศไทยวันที่ 5 เมษายน ปีเดียวกัน และออกจำหน่ายและให้เช่าเป็นวิดีโอ, วีซีดีและดีวีดี โดย บริษัท แมงป่อง จำกัด