มีคนเคยถามผมว่า Total Recall ฉบับไหนสนุกกว่ากันระหว่างของปี 1990 ที่ พี่บึ้ก Arnold นำแสดง กับของใหม่ที่ Colin Farrell แสดงนำ
สารภาพว่าใจส่วนลึกไม่ใคร่จะเชื่อในพลังแห่งการรีเมคสักเท่าไร เลยร่ำๆ คิดไปว่าของใหม่จะสู้ของเก่าได้อย่างไรกัน
แต่พอดูจบแล้วก็อุทานขึ้นในใจว่า “มันสนุกเหมือนกันแฮะ”
ฉบับนี้โครงเรื่องคล้ายของเดิมครับว่าด้วยดักลาส เควด (Farrell) คนงานโรงงานที่มักฝันว่าตัวเองเป็นสายลับโดนไล่ล่า และข้างกายก็มีหญิงงามลึกลับ (Jessica Biel) อยู่เคียงข้างเสมอ ซึ่งก็แน่นอนว่าฝันแบบนี้ภรรยาของเควด (Kate Beckinsale) ก็ออกอาการไม่สบายใจ กลัวว่าสามีจะฟุ้งซ่านจนหลุดโลกไป และพยายามพร่ำบอกว่านั่นเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสงสัยก็ก่อตัวในหัวเควดมากขึ้นๆ ขณะเดียวกันจิตใจส่วนลึกก็โหยหาชีวิตสายลับแบบในฝัน จนเขาตัดสินใจไปใช้บริการของบริษัท Rekall ที่สามารถสร้างความทรงจำเสมือนจริงให้เควดได้ลองสวมบทเป็นสายลับดูสักครา… แต่เขาไม่รู้เลยครับว่าไม่กี่นาทีต่อจากนั้นชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าจริง มันอาจไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ได้ ไม่ว่าจะงานที่เขาทำ ภรรยาที่เขามี
โดยหลักแล้วคล้ายฉบับเก่าครับ แต่ก็เปลี่ยนรายละเอียดบางอย่าง เช่นการผจญภัยจำกัดแค่ในโลก ไม่ได้ไปถึงดาวอังคาร แล้วหนังก็ลดประเด็นเรื่องคนกลายพันธุ์ลงไป แต่พอดูไปการตัดประเด็นพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ เพราะเนื้อในใจความที่สำคัญของ Total Recall ยังอยู่ครบ และผลของมันก็สนุกใช้ได้เหมือนกัน
หนังเดินเรื่องฉับไวดีครับ เร้าใจพอตัว ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอนไล่ล่ากันไม่ว่าจะขับรถบนไฮเวย์ลอยฟ้าหรือล่ากันตามตึกรามบ้านช่องที่ทำออกมาได้มันส์พอเหมาะ แล้วที่ชอบอีกอย่างคือรายละเอียดของเมืองในอนาคตน่ะครับ ออกแบบได้สร้างสรรค์จริงๆ ไม่ว่าจะบ้านเช่าที่ต่อกันเป็นพืดเหมือนคอนโดแนวนอน, บรรยากาศในบาร์หรือตามทางเดินต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีแปลกตาที่สร้างได้น่าสนใจดี เชื่อว่าคนที่ชอบ Gimmick สำหรับหนังไซไฟน่าจะสนุกไปกับหนังได้ไม่ยาก เพราะรายละเอียดพวกนี้มันชูรสได้
ดูแล้วผมรู้สึกอารมณ์เดียวกัน Fright Night ฉบับรีเมคเลยครับ (อันนั้น Farrell ก็แสดงเหมือนกัน) รู้สึกว่าของเก่าแม้จะดีกว่าและคลาสสิคกว่า แต่ของใหม่ก็มีดีในแบบของมันเอง มีจุดเด่นใส่ลงไปชูรสให้กับตัวมันเองได้ เรียกว่าหลายอย่างที่สู้ของเก่าได้ยากคนทำก็ไม่พยายามสู้ แต่เลือกที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ ที่ของเก่าไม่ได้สร้างมาใส่ลงไปชดเชยแทน
จุดนี้ขอชมพี่ Len Wiseman ผู้กำกับ (และสามีตัวจริงของ Kate Beckinsale) ที่เอาหนังอยู่และไม่ทู่ซี้ “รีเมค” ของเดิม แต่จะออกแนว “รีอิมเมจิน” สร้างสรรค์ใหม่ คิดใหม่ทำใหม่โดยใช้วัตถุดิบเดิมเป็นตัวนำร่องนั่นเอง
Untitiled05401
อีกจุดที่ได้ใจผมไปก็คือมุขขำๆ เช่น มุขเมียที่เล่นได้ทั้งเรื่อง หรือมุขแอบรำลึกถึงฉบับก่อน (เช่น คุณป้า 2 อาทิตย์ หรือแอบแซวดาวอังคาร) ยอมรับว่าอารมณ์ขันเหล่านี้ค่อนข้างพอดีไม่เลอะเทอะ
เหล่าดาราตัวหลักก็ถือว่าเลือกมาดีครับ Farrell ไปได้ไม่เลวกับบทเควด, Biel ก็ใช้ได้ แต่รายที่เด่นเกินใครคือ Beckinsale ที่วาดลีลาได้จัดจ้าน ไม่รู้ว่าบทส่งหรือสามี (ที่คอยกำกับ) ส่งกันแน่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็จัดว่าเล่นได้ดีและเด่นในเรื่องครับ
นอกนั้นก็มีดารารับเชิญหน้าคุ้น ตั้งแต่ John Cho ที่เล่นได้เนียนมากในบทแม็คเคลน ผู้ดูแลร้าน Rekall ที่เควดไปใช้บริการ, Bill Nighy ในบทแมทเทียส อีกหนึ่งตัวละครหลักในช่วงท้าน (ที่บทน้อยไปหน่อย), Bokeem Woodbine ในบทแฮร์รี้ เพื่อนคนงานของเควด และ Bryan Cranston ในบทโคเฮเกน ที่กุมความลับสำคัญทั้งหมดเอาไว้
งาน Effect ถือว่าพอเหมาะ ในฉากบ้านเมืองโลกอนาคตก็ดูไม่เว่อร์แต่น่าสนใจ ครั้นพอถึงฉากอลังการสักหน่อยในไคลแม็กซ์ก็ดูยิ่งใหญ่ได้ หรือในฉากไล่ล่าทั้งหลายก็ได้ Effect ดีๆ นี่แหละครับคอยเนรมิตฉากหลังแห่งการไล่ล่าให้ออกมาได้ชวนตื่นตาอย่างยิ่ง อย่างตอนไล่ล่าที่ลิฟท์ก็เหมือนกันครับ ฉับไวให้อารมณ์ลุ้นดีเหลือเกิน
ได้คำตอบแล้วล่ะครับ ถ้ามีใครถามว่าชอบฉบับไหนก็ตอบได้ว่า “ชอบทั้งสองฉบับ” เพราะมันมีดีต่างกันไป แต่ถ้าถามใจลึกๆ ก็บอกได้ว่าฉบับ 1990 ยังคงตรึงในใจ ได้คะแนนแซงฉบับใหม่อยู่นิดๆ
แต่หลังจากนี้ ถ้ามีชื่อพี่ Colin Farrell แกโผล่ในหนังรีเมคเรื่องไหน ผมคงไว้วางใจเล็กๆ ก่อนดู เพราะ Fright Night แกก็เล่นและเรื่องนั้นก็จัดว่าดี กับเรื่องนี้ก็เข้าข่ายสนุกอีก
สรุปได้ว่า ฉบับนี้สนุกมันส์ ไม่ผิดหวัง