มันคือ 300 เวอร์ชั่นกองกำลังทหารที่สมจริง หรือจะเรียกว่าเป็น Zulu เวอร์ชั่นอัพเกรดอาวุธให้ทันสมัยขึ้นก็ได้ หนังเล่าเรื่องวีรกรรมความกล้าหาญที่ถูกปกปิดไว้กว่า 40 ปีของหน่วยทหารไอริชที่จัดตั้งโดยสหประชาชาติ มีกำลังทหารแค่ 150 คนแต่สามารถต้านทานการโจมตีของทหารรับจ้างกว่าพันคนได้นานถึง 5 วันโดยไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว แต่เพราะพวกเขายอมแพ้จึงทำให้วีรกรรมเหล่านี้ถูกเก็บเงียบด้วยเหตุว่าส่วนหนึ่งมันคือรอยด่างพร้อยของสหประชาชาติที่พยายามแทรกแซงการทหารประเทศอื่นเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง
ในแง่การเป็นหนังแอ็คชั่นดูสนุกถือว่าสอบผ่านสบาย สมกับเป็นหนังทหารที่ต้องต่อสู้ชิงความได้เปรียบทางยุทธวิธีและมีภาคบังคับสาดกระสุนใส่กันจนตายเกลื่อน ซึ่งความดีอีกอย่างคือหนังไม่ได้มาเน้นแอ็คชั่นเพียว ๆ แต่ยังใส่ประเด็นรองก็คือความผิดพลาดของสหประชาติแทรกไว้ตลอดทั้งเรื่องเพื่อให้เห็นว่าความล้มเหลวของการเมืองส่งผลต่อทหารในพื้นที่โดยตรงอย่างไร เราจึงเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้รับการสนับสนุนกำลังเสริมเพราะกำลังจะถูกลอยแพนั่นเอง
การเผชิญหน้ากันระหว่างผู้พันทหารไอริชกับหัวหน้าทหารรับจ้างจากฝรั่งเศสถือเป็นอีกส่วนที่ทำให้หนังดูมีความเป็นหนังแมน ๆ คุยกันมากขึ้น ในขณะที่ทหารรับคำสั่งจากนักการเมือง แต่พวกเขาก็ยังคงเคารพให้เกียรติกันในฐานะข้าศึก ซึ่งทำให้เราเห็นถึงความกล้าหาญของทหารไอริชทั้ง 150 นาย ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถต้านทหารรับจ้างอาวุธครบมือได้นานขนาดนั้น และแน่นอนว่ายุทธวิธีของ ‘ควินแลน’ (Jamie Dornan) ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การตั้งรับประสบความสำเร็จจนไม่แปลกใจว่าทำไมกองทหารถึงยกย่องแสดงความเคารพต่อเขาเป็นอย่างมาก
โดยรวมแล้ว The Siege of Jadotville ถือเป็นหนังคุณภาพอีกเรื่องเลย เดินเรื่องเร็วไม่ยืดเยื้อ ทำแอ็คชั่นได้ตึงเครียดแต่ยังมีความบันเทิงแบบหนังแอ็คชั่น และดราม่าก็สามารถบิ๊วความเข้มข้นของเรื่องราวให้เห็นถึงปัญหาของการเมืองและทหารได้เป็นอย่างดี