ก็ตามคำขอนะครับ ให้รีวิวภาคต่อของ The Ring ฉบับฮอลลีวู้ดก็ได้เลย ไม่ยากเย็น
เพียงแต่ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่การเอานิยายเล่ม Spiral ทำนะครับ เนื้อเรื่องไปคนละลู่คนละลานเลย แต่ได้คนกำกับ The Ring ของญี่ปุ่นมาสานต่อความสยองนะครับ เขาคือ Hideo Nakata นั่นเอง
เหตุการณ์ให้หลังจากตอนจบคราวก่อน 6 เดือน เมื่อคำสาปของสยองหนูน้อยซามาร่า (Daveigh Chase) ยังไม่ยอมหมดฤทธิ์ ส่วนราเชล เคลเลอร์ (Naomi Watts) และลูกชายของเธอ ไอแดน (David Dorfman)ก็พยายามหนีให้พ้นจากเรื่องบ้าๆ โดยการย้ายมาอยู่ในเมืองเล็กๆ ห่างไกลผู้คน
แต่เรื่องสยองยังไม่ยอมปล่อยพวกเขา เมื่อเกิดข่าวว่ามีวัยรุ่นตายเพราะวีดีโอต้องคำสาป ระบาดมาถึงเมืองนี้ อีกทั้งไอแดนก็เริ่มสัมผัสถึงสิ่งแปลกๆ เข้าอีก ราเชลเลยต้องแข่งกับเวลาในการไขปริศนาของซามาร่าอีกครั้ง และดูเหมือนว่าเป้าหมายการมาครั้งนี้ของซามาร่าจะเกี่ยวกับไอแดนโดยตรงซะด้วย
Nakata เป็นคนทำ The Ring ต้นฉบับนะครับ ตามมาถึงภาค 2 แล้วก็เลยข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำภาคต่อของ The Ring ฉบับมะกันด้วย ก็ข้ามทะเลตาม Takashi Shimizu แห่ง Ju-on มาน่ะแหละ
ผมเองก็สนใจเลยนะครับ ตอนได้ยินประกาศว่าเขาจะมาทำตอนต่อ มันก็อยากรู้ว่าเขาจะทำเรื่องราวต่ออย่างไร เพราะเขาประกาศเลยว่าจะไม่ให้เหมือน The Ring 2 ของญี่ปุ่นและไม่เหมือนนิยายด้วย แต่พอดูแล้วก็ เอ่อ …
ไม่เถียงครับว่าพล็อตไม่ซ้ำกับ The Ring เวอร์ชั่นไหนๆ แต่ดูๆ ไปมันออกไปละม้ายคล้ายกับ Ju-on: The Grudge 2 ยังไงก็ไม่ทราบ อันนี้มีสปอยล์หน่อยนะครับ ใครไม่อยากทราบข้ามไป แต่ไม่พูดไม่ได้ มันข้องๆ คับๆ ที่ใจ
ถ้าใครดู Ju-on: The Grudge 2 หรือผี … ดุ 2 มาแล้วจะรู้ว่าคายาโกะในภาคนี้ได้วางแผนที่จะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็มุขเดียวกันเลยครับ ภาคนี้เป้าหมายของซามาร่าก็คือ การตามหาไอแดนจนพบ และหาทางสวมวิญญาณเขาเพื่อจะกลับมาเกิดใหม่อีกรอบ
ผมเข้าใจว่า Nakata คงเจตนาจะทำล่ะครับ เอามุขที่ได้ผลในญี่ปุ่นมาเล่นอีกรอบให้กับฝรั่งมังค่าตาน้ำข้าวที่ยังไม่มีโอกาสได้ดูหนังสยองญี่ปุ่นมากนัก ก็เหมือนเป็นการ Reuse ที่คุ้มที่จะลอง
ส่วนผลของมัน ถ้าพูดกันถึงแนวคิดก็ไม่เลวล่ะครับ คนที่ไม่เคยดูหนังผีที่มีพล็อตแบบนี้มาก่อนก็อาจจะตื่นเต้นครับ แต่คนที่ดูแล้วรู้แล้วก็คงไม่อะไรมาก ยิ่งคนที่คุ้นกับหนังผีสไตล์ญี่ปุ่นจะพบว่าเดาได้ไม่ยากเย็น
แต่กระนั้นก็มีจุดบกพร่องรูเบ่อเร้อในมุขนี้ จริงๆ มุขนี้ไม่มีปัญหาหรอกครับตอนเล่นกับหนังญี่ปุ่น แต่พอเล่นกับฮอลลีวู้ดแล้วมุขนี้จะอ่อนด้อยลงทุกที เนื่องด้วยเหตุที่ว่า ภาคมะกันมักทำไม่แรงพอ ไม่เหมือนของพี่ยุ่น ที่มักจบแบบสยอง แบบไร้ความหวังใด ไม่มี Happy Ending ให้เลย แต่กับ The Ring 2 นี่ จบแบบไม่สั่นประสาทเท่าไหร่ อันนี้เสียดายหน่อยๆ ก็มันน่าจะสยอง จบแบบทำร้ายจิตใจคนดูก็ได้นี่ครับ ไม่รู้ Nakata แกเกิดอยากประนีประนอมขึ้นมาหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ตอนดูเลยกั๊กๆ ไม่สะใจเท่าไหร่
++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดผ่านสปอยล์มาเลยนะครับ มาว่ากันที่เนื้อเรื่อง ที่ไม่ใคร่จะสยองนัก คือมันก็เกี่ยวกับผีๆ คำสาปๆ น่ะแหละครับ แต่อารมณ์หลอนมันไม่มีอีกแล้ว เหมือนหนังจะพยายามใส่ความทึมและยัดฉากน่ากลัวลงมา แต่ฉากที่ว่ามันไม่ค่อยจะน่ากลัวนัก เรื่อยๆ ถ้าเทียบกับงานชิ้นก่อนๆ ของ Nakata ผมเลยไม่แน่ใจว่าแกเกิดอยากจะทอนความรุนแรงหรือความสยองลงหรือเปล่า
แต่การทอนความสยองไม่ใช่ปัญหาสำคัญเท่ากับ การที่คนดูควานหาความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่เจอเลยครับ มุขเดิมๆ เดากันได้ มันไม่แฮ่ทางนี้ก็จะไปแฮ่ตรงโน้น หรือไม่ก็เล่นกับสถานที่แสงไฟน้อยๆ อันนี้ต้องคนขวัญอ่อนล่ะครับถึงจะรู้สึกผวาบ้าง
แต่ที่เสียหายเยอะหน่อยคือการที่หนังดันไปหนัก Effect มากกว่าจะให้คนดูผวาทางจิต ยิ่งฉากในห้องน้ำตอนท้าย ถ้าไม่บอกผมล่ะนึกว่า The Abyss ยิ่งไอ้ฉากน้ำวิ่งย้อนศรนั่นมันให้อารมณ์มนุษย์ต่างดาวลงมาบนโลกมากกว่าผีจะโผล่นะครับ
ผมก็ไม่อยากใช้มาตรฐานตัวเองมาวัดในเรื่องความน่ากลัวนะครับ เพราะผมมันไม่ค่อยจะสะทกสะท้านอะไรนัก แต่ลองว่าคอหนังสยองที่ดูหนังมาจนชาชินก็คงไม่ได้สะดุ้งอะไรนัก เพราะความสยองผมว่าห่างชั้นกับภาคแรกหลายขุม
ดารานักแสดงนั้นต้องบอกว่าไม่มีปัญหาครับ Watts ก็แสดงได้ดีอยู่แล้ว, Dorfman ก็โอเค แต่ภาคนี้ดูจะเป็นเดเมี่ยนมากขึ้นเยอะครับ ตานี่ดำคล้ำมาเชียว
สรุปคือไม่ใคร่จะประทับใจนัก เรื่อยๆ ภาคแรกสนุกกว่ากันเยอะ ไม่ว่าจะความสยองหรือการตามปม แต่ภาคนี้ออกจะอ่อนพลังลงไปมาก