The Godfather ภาคสอง สร้างเมื่อปี 1974 สองปีหลังภาคแรก เป็นภาคที่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าดีกว่าภาคแรกเสียอีก และได้รับรางวัลมากกว่า ได้ออสการ์ถึง 6 ตัว ถ้าหากภาคแรก “สมบูรณ์แบบ” ภาคสองน่าจะ “สุดยอดเหนือคำบรรยาย”
The Godfather ภาคสอง คือการดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรก เป็นยุคของเจ้าพ่อรุ่นสอง คือรุ่นคอร์เลโอเนผู้ลูก (Al Pacino) ผู้ซึ่งแม้จะเดินตามรอยบิดา แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ดูเหมือนว่า ถ้าหากชีวิตของวีโต คอร์เลโอเน ผู้พ่อจะเป็น “ขาขึ้น” ของอาณาจักรเจ้าพ่อ ชีวิตของไมเกิล คอร์เลโอเนดูจะเป็น “ขาลง” ถ้าชีวิตของพ่อเปรียบได้กับยามเช้า ชีวิตของลูกก็คือยามบ่าย
หัวข้อใหญ่ของหนังยังคงเป็นเรื่องการวางแผนซ้อนแผน ด้วยร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม การหักหลัง การแก้แค้น การดำเนินการใต้ดินผิดกฎหมาย การคอรัปชั่น ครั้งนี้มีการนำเอาตัวแทนอำนาจรัฐมาเกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อชี้ให้เห็นว่า อำนาจนั้นไม่ปรานีใคร มันทำลายได้ทุกคนและทุกอย่าง
เจ้าพ่อภาคสองได้ฉายภาพชีวิตพ่อและลูกคู่ขนานกันไป ให้เห็น ดอน วีโต คอร์เลโอเน (แสดงโดย Robert DeNiro) ตั้งแต่วัยเด็กที่ซิซิลีจนเติบโตไปสู่การเป็นเจ้าพ่อ จากครอบครัวที่พ่อแม่และพี่ถูกมาเฟียฆ่า และตัวเองต้องหนีเอาชีวิตรอดข้ามน้ำข้ามทะเลไปอเมริกาคนเดียวตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้เขาแข็งแกร่งและกลายเป็น “ผู้กว้างขวาง” ที่เต็มไปด้วย “บารมี” ในท้ายที่สุด
เจ้าพ่อภาคสองเป็นการเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดมาก ร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน แม้จะตัดไปตัดมาจนน่าเวียนหัวสำหรับคนที่ชอบดูหนังแบบสบายๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงสุดยอดฝีมือการเล่าเรื่องที่ทำให้คนดูหนังยาวสามชั่วโมงเกือบครึ่งแทบจะลืมเวลาไปเลย
เจ้าพ่อภาคสองเริ่มต้นคล้ายกับภาคแรก เป็นการรวมครอบครัวและแขกเหรื่อเพื่อฉลองการรับศีลครั้งแรก (First Holy Communion) ของลูกชายของไมเกิล ซึ่งย้ายครอบครัวไปอยู่ที่รัฐเนวาดา ไปทำ “ธุรกิจ” ที่ลาสเวกัส และเริ่มหาทางขยาย “กิจการ” ต่างๆ แขกสำคัญคนหนึ่งที่มาในงานเป็นวุฒิสมาชิกของเนวาดาและภริยา เขารับเช็คของขวัญจากแอนโทนี ลูกชายของไมเกิลและประกาศเกียรติคุณครอบครัวนี้ โดยวางมาดนักการเมืองเหมือนจะข่มและแข่งกับอำนาจเจ้าพ่อมาเฟีย
เช่นเดียวกับภาคแรก ระหว่างการกินเลี้ยง การเต้นรำข้างนอก ข้างในบ้านก็มีการ “รับแขก” ที่เข้าคิวขอเข้าพบเจ้าพ่อ ที่น่าสนใจที่สุด คือการพบกันระหว่างวุฒิสมาชิกกับเจ้าพ่อ เป็นการประลองกำลังกันยกแรกระหว่างสองอำนาจ วุฒิสมาชิกพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม ด่าไมเกิลและครอบครัวว่าสถุลต่ำช้า ด้วยภาษาที่ก้าวร้าวรุนแรง ทั้งตัดไม้ข่มนามและเรียกร้องสินบนค่าใบอนุญาตเปิดโรงแรมและคาสิโนใหม่ รวมทั้ง “ส่วย” อีกร้อยละ 5 ของคาสิโนทั้งหมด
เจ้าพ่อไมเกิลคงอดกลั้นสุดขีด ตัวเองถูกด่ายังไม่เท่าไร แต่มาด่า “ครอบครัว” นี่มันมากเกินไป ปฏิกิริยาของไมเกิลคือ “ไม่ให้อะไรเลย” (My offer is – nothing) และหลังจากนี้ไม่นาน เราก็เห็นภาพที่เจ้าพ่อมีข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ให้วุฒิสมาชิกผู้นี้ที่ถูกแบล็กเมล์ ถูกจัดฉากให้กลายเป็นฆาตรกรฆ่าโสเภณีในโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ทอมและบริวารของเจ้าพ่อไมเกิลตามไปช่วยเหลือบอกว่า ไม่เป็นไร จะจัดการให้ทั้งหมด สบายใจได้
นั่นคือการสยบอำนาจของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองแบบหนึ่ง ซึ่งพยานหลักฐานทั้งหมดคงถูกเก็บเอาไว้ รอเวลาเอาออกมาใช้เมื่อจำเป็น ด้วยเหตุนี้ เมื่อไมเกิล คอร์เลโอเนถูกเรียกไปสอบจากกรรมาธิการวุฒิสภา คนที่ออกมาปกป้องเขาสุดลิ่มทิ่มประตูคือวุฒิสมาชิกผู้นี้