ภาพยนตร์ระทึกขวัญจากประเทศโปแลนด์ โดย Netflix เรื่องราวเกี่ยวกับยุคสงครามเย็น ดำเนินเรื่องโดย Joshua Mansky อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เขาได้เป็นตัวแทนสหรัฐในการแข่งขันหมากรุกกับสหภาพโซเวียต แต่ในการแข่งขันมีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองและสถานการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น การหาตัวคนทรยศภายในทีม และหาทางหยุดความขัดแย้งระดับโลกนี้ไว้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามรับชมได้ใน Netflix ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลยนะครับ
จากการรับชมตัวอย่างนับมีเค้าโครงที่น่าสนใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือโทนของภาพยนตร์ที่ดูเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ การอิงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเล่นประเด็นโดยมีหมากรุกเป็นตัวเชื่อมโยงทำให้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ความคาดหวังมีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว มาดูกันเถอะครับว่าจะเป็นไปตามที่เราหวังไว้หรือไม่ บอกก่อนว่าบทความนี้มีการสปอยล์เล็กน้อยนะครับ
ตามความรู้สึกของผมนะครับ พบว่า…ตามคาดในหลายส่วน บทภาพยนตร์ว่าด้วยการดำเนินเรื่องราวและเนื้อเรื่องมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เรียกว่าทางผู้เขียนบทอย่าง Lukasz Kosmicki และ Marcel Sawicki ทำการบ้านมาดีมากเลยครับ ทั้งสองคนได้มีการประสานเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ เชื่อมกับสถานการณ์ภายในภาพยนตร์ได้อย่างสมจริง ในขณะที่การแข่งขันหมากรุกมีเรื่องลับลมคมในอยู่ ช่วงที่เกิดผลกระทบกับพวก Joshua Mansky ก็เกิดเช่นเดียวกับสถานการณ์โลกภายนอก การเชื่อมโยงเรียกว่าสัมพันธ์กันอย่างเห็นได้ชัด จนบางครั้งเรารู้สึกถึงการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาดและไม่สูญเสียสารภายในเรื่องเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นจุดเด่นที่เห็นได้ชัดในภาพยนตร์เรื่องนี้
นอกจากนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีมุมกล้องที่ทำออกมาได้ดีงามมาก หลายฉากดูจัดองค์ประกอบได้ดี รวมถึงมีการนำเสนอภาพได้ดูย้อนยุคอย่างสมจริง ความรู้สึกที่เราได้รับราวกับกำลังชมเหตุการณ์จริงภายในช่วงยุคนั้นเลยละครับ ในงานด้านภาพจะไม่ดีขนาดนี้หากขาดการลำดับภาพที่ดีไป การลำดับภาพภายในเรื่องทำออกมาได้เข้ากับบทภาพยนตร์ สถานการณ์สองสถานการณ์มีความสอดคล้องกันเรื่อยมา การเริ่มจุดไฟทีละนิดจนนำไปสู่บทสรุปที่อันแข็งแรงในช่วงท้ายเรื่อง นั่นส่งผลให้สองส่วนผสมนี้ทำออกมาค่อนข้างลงตัวเลยละครับ
หากจะพูดถึงข้อเสีย คงต้องบอกเลยว่าภาพยนตร์ค่อนข้างจะไม่มีความสมดุลนัก แม้จะมีบทที่มีเนื้อหาน่าสนใจ แต่การเล่าเรื่องในบางช่วงกลับราบเรียบไร้พลัง นั่นส่งผลให้เรื่องค่อนข้างเรียบ ในบางฉากก็มีการอัดเนื้อหาที่เยอะจนเกินไป จนผู้ชมหลายท่านอาจรู้สึกตามเรื่องราวได้ไม่ทันและจับใจความภายในเรื่องได้ยากกว่าที่คาด นั่นส่งผลให้ภาพยนตร์มีความเฉพาะกลุ่มกว่าที่คิด หากได้ผู้กำกับที่มีประสบการณ์เล่าเรื่องดังกล่าว คงจะเสริมพลังของภาพยนตร์ได้น่าจดจำมากยิ่งกว่าเดิม
แม้จะมีข้อดีในส่วนของบทภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาดี การสอดแทรกเหตุการณ์จริงกับภาพยนตร์ได้เยี่ยม และบทพูดที่คมคายในหลายฉาก แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของการสร้างตัวละคร ตัวละครหลายตัวเราไม่รู้สึกผูกพันเท่าไรนัก รวมถึงการไม่ได้เห็นความเป็นมนุษย์เท่าที่ควร นอกจากตัวละครอย่าง Joshua Mansky และ Alfred หรือผู้อำนวยการของพระราชวังของโปแลนด์ เราจำตัวละครอื่นแทบไม่ได้เลย รวมถึงไม่ได้เห็นความเป็นมนุษย์ของแต่ละตัวละครอีกด้วย ฝั่งสหรัฐเราก็จะเห็นมุมมองหนึ่งเหมือนสีขาว ส่วนโซเวียตเราก็จะเป็นเป็นสีดำ มันดูแตกต่างกันเกินไป จนทำให้นี่กลายเป็นจุดด้อยของภาพยนตร์ไปโดยปริยาย
อีกเรื่องหนึ่งภาพยนตร์คุณภาพบนสตรีมมิ่งของ Netflix บทที่ชาญฉลาด การถ่ายภาพที่สวยงาม การลำดับเรื่องราวที่ตัดสลับระหว่างเหตุการณ์จริงและภาพยนตร์ได้อย่างสอดคล้องกัน และ Bill Pullman รับบทเป็น Joshua Mansky ได้อย่างมีเสน่ห์ แต่มาตกม้าตายกับการเล่าเรื่องที่บางช่วงก็ราบเรียบไป บางช่วงก็อัดเนื้อหามากจนเกินไป ส่งผลให้ขาดความสมดุลของภาพยนตร์ที่ดีไป หากได้ผู้กำกับที่ประสบการณ์ในการเล่าเรื่องที่ดีกว่านี้อย่าง David Fincher และมีการปรับปรุงด้านตัวละครอื่นภายในเรื่องด้านความเป็นมนุษย์ เรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์สงครามเย็นที่น่าสนใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งของปีนี้เลยละครับ
ระดับความน่าชม : หากชอบภาพยนตร์ที่มีความซับซ้อน อิงประวัติศาสตร์ ชาญฉลาด ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์ที่คุณห้ามพลาด