สองปีหลังจากเอาชนะลัทธิซาตานที่นำโดยบีซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขา แต่กลับไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เขาเล่าเลย และถูกหาว่าเป็นบ้า โคลก็พยายามลืมเหตุการณ์ในอดีต จนกระทั่งแก๊งของบีกลับมาหาเขาอีกครั้ง
ต้องยกให้เลยว่านี่เป็น 1 ในหนังของ Netflix โดยตรงที่เขียนบทได้ฉลาดมากติดอันดับต้นๆ ของที่ผู้เขียนเคยดูมาเลย คนเขียนบทรู้ว่าคนดูชอบอะไรในภาคแรกก็หยิบจับใส่กลับมาทั้งหมด และต่อยอดมุกเดิมๆ ทั้งความฮา สยองขวัญ และความรัก ของภาคแรกให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก แบบที่เกินคาดมาก ซึ่งมีน้อยเรื่องจริงๆ ที่หนังภาค 2 ทำได้
ในเรื่องนี้เลยหยิบเอางานภาคต่อขึ้นหิ้งอย่าง Terminator 2: Judgment Day มาใช้ทั้งคาราวะและล้อเลียนไปพร้อมกัน ซึ่ง “แม็คจี” คนเขียนบทและเป็นผู้กำกับด้วยคงมั่นใจในเรื่องนี้มาก ถึงดึงมุกแบบนี้มาใช้และก็ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังคัลท์ที่ขึ้นหิ้งไปอีกเรื่องได้แน่ๆ (ถ้าคนดูไม่อคติกับความบ้อบอของเรื่องนี้ซะก่อนนะ)
แน่นอนเมื่อหนังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี Netflix จึงดำเนินการสร้างภาคต่อตามออกมา ซึ่งครั้งนี้ตัวหนังยังเล่าเรื่องราวของโคลที่รอดตายจากแก๊งพี่เลี้ยงเด็กมหาประลัยที่จะจับเขาไปบูชายันต์ซาตาน แต่กลายเป็นว่าหลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลายกลับไม่มีคนรอบตัวคนไหนเชื่อไหนคำพูดของเขาแม้แต่นิดเดียว และยังโบ้ยว่าโคลเป็นเด็กเลี้ยงแกะที่ปั้นเรื่องขึ้นมา จนทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเด็กมีปัญหา
ชีวิตของโคลไม่เคยมีความสุขเลยตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ชีวิตวัยรุ่นที่จัดได้ว่าเลวร้ายอยู่แล้วก็ต้องวุ่นวายหนักกว่าเดิมเมื่อแก๊งพี่เลี้ยงเด็กกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งและพร้อมจะมาไล่ล่าเอาวิญญาณของโคล
เรื่องตัดมาสองปีหลังจากตอนจบภาคแรก และใช้นักแสดงชุดเดิมทั้งหมดที่เติบโตขึ้นตามวัยกันทุกคน ตรงนี้ถ้าดูจากตัวอย่างอาจจะเสียดายความน่ารักแบบเด็กๆ ของเจ้าหนูโคลในภาคแรก แต่พอมาดูจริงกลายเป็นว่าโคลก็ยังเป็นโคล ทั้งบททั้งลีลาการแสดงแบบหล่อขี้แพ้เหมือนเดิมเป๊ะ ซึ่งไม่ใช่แค่โคลที่โตขึ้น นักแสดงที่มีบทบาทในภาคแรกกลับมาทั้งหมดและก็ยังกวนๆ เช่นเดิมแต่เพิ่มความฮาตรงโตแล้วก็ยังแกล้งโคลอยู่เหมือนเดิมนี่แหละ
ซึ่งหนังฉลาดมากที่คงคาแรกเตอร์เดิมๆ ไว้หมด ทำให้ผู้ชมรู้สึกแค่ว่านักแสดงโตขึ้น แต่โลกในเรื่องก็ยังเป็นโลกเดิมที่โคลกลับมาเป็นคนไม่มั่นใจจนเรียกว่าไอ้ขี้แพ้ที่น่าเอาใจช่วยได้เช่นเดิม
ไม่ใช่แค่นักแสดงชุดเดิม แต่เรื่องยังเดินไปแบบเดิมเป๊ะๆ เป๊ะขนาดคำว่า What the Fuck ยังขึ้นในเวลาเดียวกันที่ 28 นาทีของเรื่องซึ่งผู้กำกับแม็คจีตั้งใจใช้ความเหมือนเป๊ะตรงนี้มาเล่นกับเรื่องราวตามรอยเดิม เพื่อให้อารมณ์ย้อนรอยอดีตกับคนดูแบบที่โคลเจอในภาคนี้ตอนนี้จนแทบบ้าอีกครั้ง ซึ่งเหตุผลที่ตัวละครเก่าที่ตายไปกลับมาได้หมดก็ไม่ต้องมีอะไรมาก (ไม่สปอยล์นะเพราะมีในตัวอย่างอยู่แล้ว) แค่พวกนี้กลับจากนรกมาทำที่คั้งค้างไว้ให้สำเร็จ แต่ต้องทำให้สำเร็จก่อนเช้าวันใหม่ ไม่งั้นต้องรอไปอีก 2 ปีถึงกลับมาได้อีกครั้ง
ในเมื่อเรื่องย้อนรอยเดิมขนาดนั้น แต่ทำไมถึงเจ๋งกว่า นั่นก็เพราะการย้อนรอยครั้งนี้ต่อยอดมุกที่ค้างไว้จากคราวก่อนได้แบบสนิท อย่างมุกเตะไข่ไม่โดนของโคล มาคราวนี้โดนแหละ และยังขยายความย้อนหลังไปยังแก๊งบีในภาคแรกว่าแต่ละคนเป็นใครมายังไงที่เรื่องในภาคแรกไม่ได้เล่าไว้ ซึ่งบ้าบอมากพอๆ กับช่วงจิตๆ ของพวกนี้ตอนไล่ล่าโคลเลย
การดำเนินเรื่อง
เรื่องไม่ใช่แค่การย้อนรอยเดิมๆ ที่คนดูก็สนุกแหละ ผู้กำกับเหมือนอ่านใจคนดูไว้ก่อน รู้ว่าควรจะย้อนไปถึงแค่ไหนถึงพอดี ก่อนที่คนดูอาจจะคิดว่าแค่เอาของเก่ามารีมิกซ์ใหม่ ตัวเรื่องก็เปลี่ยนธีมเรื่องการไล่ล่าของโคลกับแก๊งบีไปอีกครั้ง ด้วยการย้อนรอยความคิดคนดูว่า ตกลงโคลนี่มันฆาตกรโหดมากกว่าพวกแก๊งบีไม่ใช่เหรอ ใครเข้าไปหาเจ้านี่ก็ตายสยองหมด