ยอดมนุษย์สุดโต่งเล่าเรื่องราวของ ซางหยู นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชีวิตตกต่ำ อันเนื่องมาจากที่เขาต้องเผชิญความผิดปกติไม่สามารถนอนหลับได้ ทุกครั้งที่หลับ จะฝันร้าย ว่ามีปีศาจความฝันไล่ฆ่าทุกครั้ง มันเหมือนจริง และมันก็ยังเจ็บจริง แล้วมันก็หนักหน่วงถึงขั้นที่ว่า แม้ว่าในเวลายามตื่น ก็ไม่สามารถแยกความจริงกับจินตนาการได้แล้ว ไม่ว่าจะไปพบจิตแพทย์คนไหนก็ตามก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
ซางหยูเขียนบทไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน จนตรอก จนท้ายที่สุดก็คิดฆ่าตัวตาย แต่ชายแก่ขายอาหารก็มาช่วยเขาไว้ แล้วพูดให้เขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้าย เพราะต่อให้คนเราฝันว่าตายสักกี่ครั้งสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี “ฉันกำลังฝัน”
เมื่อซางหยูปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้ายของตัวเองได้ เขาก็สามารถหยิบบางสิ่งบางอย่างจากความฝัน ออกมาในโลกของความเป็นจริงได้ ซางหยูนำไปขายได้เงินมหาศาล เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่อาจคำนาณทรัพทย์สินได้
ซึ่งเรื่องราวของซางหยูจะเป็นยังไงต่อไป สามารถรับชมต่อได้ทาง Netflix ครับ
เป็นหนังที่เกี่ยวกับความฝันที่ถือว่าทำออกมาได้ดี นำเสนอในมุมที่ว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็ล้วนอยากมีฝันดีทั้งนั้น และถ้าเราสามารถทำให้ความฝันกลายเป็นจริงได้มันก็จะดียิ่งกว่า แต่ซางหยูทำได้ดีกว่านั้น เขาสามารถนำสิ่งของความฝันออกมาแล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นเงินมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรี มันรอเวลาที่ต้องจ่ายคืน และการจ่ายคืนนั้นมันหนักหน่วงกว่าความทุกข์เดิมที่เคยมีหลายเท่า
ในด้านแนวคิดที่ว่า คนเราเมื่อฝันแล้ว ก็สามารถหยิบของมาจากความฝันนั้นได้มาในโลกแห่งความจริง ในด้านวิธีการนำเสนอ ดูไปแล้วผมก็คิดถึงหนังเรื่อง Jumper (2008) คนโดดกระชากมิติ ที่พระเอกของเรื่องสามารถหายตัวกนะโดดที่ไหนก็ได้ แล้วก็หยิบสิ่งของจากสถานที่นั้นกลับมา ซึ่งในเรื่องยอดมนุษย์สุดโต่ง ก็มีวิธีการใกล้เคียงกันมาก ๆ เพียงแต่เขาใช้วิธีการ หลับ ฝันแล้วตื่น ไม่ได้กระโดด โดยเฉพาะฉากที่ซางหยูนำรถสปอร์ตจากความฝันออกมาสู่โลกความจริงมัน คล้ายกับหนัง Jumper ชัด ๆ
ในด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกผมไม่ติดใจอะไรเลย แล้วมองว่าเทคนิคการสร้างกราฟิกในหนังของประเทศจีนใต้หวัน มันก็ไม่ได้ด้อยกว่าของ Hollywood เลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฉากในความฝันของซางหยูแต่ละฉาก ทำออกมาได้ดีมาก ดูแล้วก็เพลินมากครับ
หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังรัก ซางหยูหลงรักเจ้าของร้านกาแฟ ก็หาทางจีบเธอจนได้ และประคองความรักได้ดี
ในส่วนของความเป็นหนังดราม่าก็ทำได้ดีมากโดยเฉพาะในช่วงต้น ก็ทำให้เราสงสารและเวทนาตัวละครซางหยูได้จับใจ และในช่วงสรุปเรื่องก็ดึงกลับมาอยู่ในโหมดดราม่าได้ดีอีกครั้งและจบลงิย่างสวยงาม อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังที่มีค่อนข้างครบรสรสก็ได้ แต่แต่ละรสมันยังไม่จัดจ้านเท่านั้นเอง
ชอบ ตัวละครปีศาจในความฝันมาก ออกแบบได้ดี หนังตลอดทั้งเรื่องเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลยเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ เพียงแค่โผล่เข้ามาในความฝัน ไล่ฆ่าซางหยูเท่านั้น เขาไม่ได้บอกเหตุผลด้วยซ้ำ ว่าทำไมปีศาจตอนนี้ถึงไล่ฆ่าซางหยู
แต่พอถึงจุดที่เขาจะเฉลยว่าปีศาจตนนี้คืออะไร เกี่ยวข้องกับทฤษฎีจิตวิเคราะห์ยังไง มันก็ยิ่งสร้างความประทับใจให้กับผมมาก มันสามารถสรุปทุกคำถามเกี่ยวกับทุกฉากความฝันของเรื่องได้หมดเลย เราเข้าใจการกระมำของเจ้าปีศาจตนนี้ได้ทันที
แต่หนังก็มีความผิดหวังอยู่หลายจุด เช่นฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในความฝัน มันสั้น และน้อยเกินไป ในช่วงกลางเรื่องก็รู้สึกว่าหนังดึงเวลาเกินไป ฉากที่แสดงถึงความสัมพัน์ระหว่างพระเอกกับนางเอกค่อนข้างใช้เวลามาก แต่ถ้ามองให้ดีแล้ว หนังก็จำเป็นจะต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใดพระเอกถึงยอมบและทุ่มเทให้กับนางเอกมากขนาดนี้