ผมควบม้าเซ็กเทาเข้าโรงเตี๊ยมสยาม ก่อนตะวันตกดินในวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมชำระเงิน 120 ตำลึง เพื่อมีส่วนร่วมกับกระบี่ทั้ง 7
Seven Swords สร้างจากบทประพันธ์ของเนี่ยอูเช็ง(บทประพันธ์ของนักเขียนท่านนี้ ที่นำมาสร้างเป็นหนังและเรารู้จักกันดีคือ นางพญาผมขาว) เป็นภาพยนตร์ที่ผู้สร้างตั้งใจจะสร้างออกมาทั้งสิ้น 6 ภาค โดยสร้างละครทีวีควบคู่ไปพร้อมๆกัน งานชิ้นนี้เป็นการกลับมากำกับหนังกำลังภายในของฉีเคอะ หลังจากว่างเว้นไปนานและปล่อยให้หนังกำลังภายในปรัชญานิ่งสงบสยบเคลื่อนไหวอย่าง Crouching Tiger Hidden Dragon กับ กำลังภายในแฝงปรัชญาเล่นสีอย่าง Hero ได้ออกมาโลดแล่นให้ชาวโลกได้ประจักษ์ถึงหนึ่งในตระกูลของภาพยนตร์ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต เขาเลยกลับมากับ Seven Swords
….ยุคสมัยที่เหล่าจอมยุทธต้องกลายเป็นผู้ถูกล่า ไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดงหรือคนเฒ่าคนแก่ล้วนมีค่าหัว จากเหล่านักล่าฆ่าหัวที่รับบัญชามาจากฮ่องเต้
เรื่องราวของ 7 กระบี่ เป็นเรื่องราวของคุณธรรมน้ำมิตร การต่อสู้ร่วมกัน การเสียสละเรื่องราวส่วนตัวเพื่อปกป้องประชาชน เรื่องราวความรักซับซ้อนหลายเส้า (ไม่ว่าจะเป็น ฮาน – หยวนหยิน – ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน / ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน – จูเส้าหนาน – มุกมรกต / หยวนหยิน– หยุนชง) รวมทั้งเรื่องราวที่อยู่ในฝักของกระบี่แต่ละเล่ม ไม่ว่าจะเป็น
หยุนชง กระบี่ไร้รูป ต้องมาต่อสู้ร่วมกับคนอื่นๆพร้อมกับความขัดแย้งที่มีอยู่ในใจ ทั้งความแค้นที่มีอยู่ก่อนและความรักที่เริ่มบังเกิดขึ้น ความแค้นหากไม่ลืม มันก็จะตามติดตัวไปไม่รู้จักจบจักสิ้น และ ความรักหากก่อเกิด ก็จะทำให้เขาต้องมีห่วงหรือพันธะ ส่งผลให้ไม่สามารถจะทำหน้าที่ได้ดีพอ สิ่งที่เขาเลือกได้คือการต้องเลือกที่จะลืมความแค้นและสละความรัก เพื่อปกป้องส่วนรวม
จูเส้าหนาน กระบี่มังกร กลับเลือกที่จะรักและเสี่ยงเอาชีวิตกับกระบี่เข้าไปพ่วงกับความรัก เขาเลือกที่จะปลดโซ่ตรวนหญิงสาวที่เคยถูกตีตราเหมือนกับที่ตัวเองเคยเป็นด้วยกระบี่ของเขา เชื่อทุกวาจาที่เธอเอ่ย และยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อหญิงคนที่เขารัก สุดท้ายกระบี่ที่ไม่เคยแพ้ใครกลับต้องหลุดมือไปเพียงครั้งเดียว ครั้งเดียวที่เขาปล่อยกระบี่เพื่อความรักนั่นเอง
กระบี่ที่เหลืออีก 5 เล่มล้วนมีที่มาแตกต่างกัน บางคนก็มาจากถิ่นฐานเดียวแต่ไม่เคยรู้จักกัน บางคนก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน ทั้ง 7 คนมารวมกันเพื่อหนึ่งเดียว คือ ปกป้องผู้คนจากการเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายของเหล่านักฆ่า หมู่บ้านแห่งนี้จะต้านไปได้อีกนานเพียงใด เมื่อพวกเขาค้นพบว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพวกเดียวกัน
…. หากเทียบกับงานเก่าๆแล้ว 7กระบี่ เป็นงานที่ฉีเคอะดูจะหมายมั่นปั้นมือ ผสมผสานความเป็นหนังกำลังภายในกับการเล่าเรื่องที่แฝงปรัชญาแบบเนิบนิ่ง ซึ่งผลที่ออกมามันไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย หนังของเขาที่ประสบความสำเร็จอย่างเดชคัมภีร์เทวดา โหดเลวดี ฯลฯ เป็นหนังที่แฝงข้อคิดให้อะไรกับคนดูได้อยู่แล้ว ภายใต้ความเถื่อนดิบ ตรงไปตรงมา อึกทึกครึกโครม ครั้นพอเขามาจับงานชิ้นนี้ จะเห็นได้เลยว่าช่วงที่หนังเนิบนิ่งมันเป็นช่วงที่น่าเบื่อและอืดอาด กราฟความน่าติดตามมันตกลงฮวบๆ แล้วพอถึงฉากแอคชั่นอึกทึกครึกโครมหนังกลับทำได้ดีแบบตรงกันข้าม แถมอารมณ์หรือความเป็นดราม่าที่หนังส่งออกมา ในช่วงอึกทึกเรากลับซาบซึ้งได้มากกว่าช่วงเนิบนิ่งเสียด้วยซ้ำ หนังมีหลายส่วนที่สามารถเพิ่มเรื่องราวเข้มข้นได้ไม่ยากเลย เอาแค่ส่วนความรักที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน รักสามเส้า 2 ต่อ ก็เพียงพอในการจะทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเข้มข้น แต่พอฉีเคอะสร้างเงื่อนปมนั้นไว้ กลับไม่ขมวดให้แน่นต่อและปล่อยให้มันคลายตัวไปอย่างง่ายดาย
….เรื่องราวของตัวหนังและตัวละคร ขาดความลุ่มลึกทั้งที่พยายามจะสอดแทรกปรัชญาไว้ มันเป็นเพียงลมปากที่ตัวละครพูดออกมาแต่คนดูหาสัมผัสได้ไม่ เข้าใจว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้รายละเอียดตัวละครให้ครบ 7 ตัวภายใต้เวลาที่จำกัด แต่ด้วยเวลาที่จำกัดนี้เองหนังกลับไปให้เวลาในส่วนอื่นๆที่ไม่จำเป็น มันทำให้ผมจำรูปกระบี่ได้มากกว่ารูปหน้าตัวละคร อันเกิดจากว่าหนังไม่สามารถกระจายความสำคัญให้ทัดเทียมได้เหมาะสม มีเพียง Donnie Yen และ หลี่หมิง ที่โดดเด่นเพราะตัวบทให้รายละเอียดตัวละครไว้มาก บวกกับตัว Donnie Yen เอง ใส่ความลึกทางการแสดงเข้าไปให้กับบทตัวเอง และ หลี่หมิง ใส่หน้าหล่อๆกับการแสดงเหมือนที่ผ่านมา ทำให้เป็น 2 กระบี่ที่คนจำได้ไม่ยาก กับอีก 2 กระบี่ที่คนจดจำได้เพราะตัวนักแสดงอย่าง หยางไฉ่หนี และ ลูยี่ ที่มีความสำคัญเพราะต้องเป็นตัวนำเรื่องในตอนต้น ส่วนที่เหลือกลับไม่สามารถแจ้งเกิดบนเวทียุทธภพครานี้ ได้