มันเป็นเรื่องราวของสาวน้อยโคลอี้ (Kiera Allen หญิงสาวที่เคยมีผลงานเพียงหนังสั้นเรื่อง Ethan & Skye ในปี 2014) วัยรุ่นที่เติบโตในบ้านที่มีแต่เธอกับแม่ ไดแอนน์ (Sarah Paulson จากซีรีส์ Ratched, American Crime Story, American Horror Story และหนัง Bird Box) เธอเป็นแม่ที่ทำทุกอย่าง ทั้งปลูกผัก ทำกับข้าว และไปหาหมอเอายาให้เธอทาน
เชื่อว่า ถ้าใครได้เคยดู Searching (2018) ก็น่าจะต้องอยากดู Run (2020) ด้วย ทั้งนี้ นอกเหนือจากความเป็นหนังทริลเลอร์ของผู้กำกับและมือเขียนบทคนเดียวกัน (Aneesh Chaganty) แล้ว ยังมีจุดร่วมเดียวกันคือ การเล่นประเด็นเกี่ยวกับ parenthood ที่ overprotective ลูกวัยรุ่น และมีประเด็นเชื่อมโยงกับ data กับ technology
ชื่อหนังว่า Run แปลเป็นไทยตรงตัวได้ว่า “วิ่ง” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “หนีไป!” ซึ่งมักจะใช้ในกรณีที่คนคนนึงกำลังตกอยู่ในอันตรายหรืออะไรทำนองนั้น แต่ตลกร้าย สิ่งอันตรายของ Chloe (Kiera Allen) เด็กตัวเอกในเรื่องก็คือ Diane (Sarah Paulson จาก Glass) แม่ของเธอเอง และตลกร้ายยิ่งกว่า Chloe ไม่สามารถ “วิ่ง” ได้ ตามความหมายตรงตัวของชื่อหนัง เพราะเธอเป็นอัมพาตครึ่งล่าง
ในหนัง Chloe ไม่ได้เป็นแค่อัมพาตที่ต้องนั่งวีลแชร์ตลอดเวลาเท่านั้น แต่เธอยังเป็นสารพัดโรค ต้องพึ่งยาสารพัดชนิด กิจวัตรประจำวันของเธอคือ เรียนโฮมสคูล อยู่บ้านกับแม่ และรอจดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัย ที่เธอใฝ่ฝันว่า เธอจะได้ไปออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกเมื่อเธอบรรลุนิติภาวะและสอบเข้าได้ แต่จนแล้วจนรอด จดหมายที่เธอรอคอยก็ไม่เคยมา ซึ่งคนดูน่าจะพอเดาได้ไม่ยากว่าทำไม เพราะหนังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Diane จำกัดสิทธิการใช้ชีวิตของลูกขนาดไหน
ความลุ้นระทึกมันบังเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง Chloe สงสัยในตัวยาที่แม่ซื้อมาให้กิน เธอพยายามหาคำตอบเกี่ยวกับยานั้นอย่างยากลำบาก เพราะแม่ไม่ยอมให้เธอมี iPhone หรือเล่นอินเตอร์เน็ตเองตามลำพัง เธอก็ต้องหาข้อมูลด้วยวิธี old school อย่างการโทรศัพท์ไปยังศูนย์ข้อมูลหรือการพยายามหนีแม่ไปร้านขายยา โดยต้องไม่ให้แม่รู้ โดยเฉพาะการแอบใช้อินเตอร์เน็ตและเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ในบ้าน ก็ต้องระวังไม่ให้แม่แกะรอยได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
ความลุ้นระทึกยังพีคได้อีก เมื่อแม่โรคจิตเริ่มออกลายและกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกสาวทางกายภาพทำให้Chloeต้องพยายามหนีออกจากบ้านให้ได้ เราได้เห็น Chloe พยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เคยมองว่าความทุพพลภาพของตัวเองเป็นอุปสรรคในชีวิต เธอต่อสู้ดิ้นรนด้วยความหวัง ความเฉลียวฉลาด และความมุ่งมั่นมากกว่าคนที่ครบ 32 ทั่วไปเสียอีก ในส่วนนี้ เราว่าหนังสร้างฉากได้น่าจดจำ ส่วนหนึ่งอาจเพราะ Kiera Allen เธอก็เดินไม่ได้เหมือนตัวละคร Chloe ที่เธอสวมบทบาท มันจึงทำให้เรารู้สึกว่าหนังดูเรียลขึ้นด้วย
พล็อตและตอนจบคาดเดาได้ไม่ยาก ถ้าเทียบกับ Searching แล้ว เราคิดว่า Searching. มีความสดใหม่และมีชั้นเชิงในการเล่ามากกว่า แต่โดยรวม Run ก็ถือเป็นหนังดูสนุก สะท้อนเรื่องการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ให้โอกาสนักแสดงผู้พิการได้มีพื้นที่โชว์ความสามารถ และการแสดงของ Sarah Paulson ก็กลมกล่อม ไม่มากไป ไม่น้อยไป สำหรับบทมัมอำมหิต