แผนการของ แฟรงค์ วอลช์ (นิโคลาส เคจ) พรานมือพระกาฬมีเพียงเอาสัตว์ที่เขาล่าได้ไปส่งสวนสัตว์เพื่อเอารับเงินก้อนโต โดยเฉพาะผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาเพิ่งล่ามาได้อย่าง เสือจากัวร์สีขาว ที่จะทำให้เขารับทรัพย์เป็นล้านเลยทีเดียว แต่แผนการของเขาก็ต้องเผชิญอุปสรรค์เมื่อต้องร่วมเดินเรือกับ ริชาร์ด ลอฟฟ์เลอร์ (เควิน ดูแรนด์) อาชญากรสงครามที่ถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดียังสหรัฐอเมริกาพร้อมด้วย
ทหารติดอาวุธหลายนายโดยมี ดร. เอลเลน เทย์เลอร์ (ฟัมเกอ ยันส์เซิน)จิตแพทย์ประจำกองคอยดูแลสวัสดิภาพของนักโทษโฉดรายนี้ จนกระทั่งสิ่งที่หลายคนนึกกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อ ลอฟฟ์เลอร์ สามารถแหกกรงขังออกมา มิหนำซ้ำมันยังปล่อยตัวสัตว์ร้ายทั้งงูพิษ ลิงป่าแม่ลูกอ่อน และแน่นอน..เสือจากัวร์ขาวที่พิศมัยเนื้อมนุษย์. และตอนนี้ชะตากรรมของทุกคนบนเรือต้องพึ่งพาสัญชาตญาณนักล่าของ วอลช์
ก่อนหน้า Primal นิค โพเวลล์ กับ นิค(โคลาส) เคจ เคยร่วมงานกันในหนังร่วมทุนจีนปี 2014 เรื่อง Outcast กับพลอตเพี้ยน ๆ ที่จับเอานิค เคจมาเป็นอัศวินลึกลับที่มาช่วยราชบุตรของฮ่องเต้กอบกู้บัลลังก์แบบงง ๆ และไม่สนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และตัวหนังก็ถูกลืมพร้อมคำวิจารณ์ในทางลบไปเหมือนหนังเกรดบีเรื่องอื่น ๆ ที่พี่นิคของเราแสดง จนมาถึงหนังอย่าง Primal ที่พลอตแทบจะเอา Con Air
หนังดังของพี่นิคมาบิดใหม่ให้เกิดบนเรือแทน พ่วงด้วยความน่าตื่นเต้นจากสัตว์ป่าอันแสนดุร้ายเพื่อเพิ่มความอันตรายซึ่งก็ถือว่าสร้างสรรค์ดีไม่น้อย เพราะถ้าหากบทเขียนมาดี ๆ มันอาจกลายเป็น Instinct (1999) หนังที่แอนโธนี ฮอปกินส์ เล่นเป็นผู้ต้องหาที่หนีการตามล่าในป่าดงดิบ ฉบับหนังแอ็กชันได้เลย แต่ทว่าอาจจะด้วยทุนสร้างหรือวิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่ดูจะใส่ใจกับการคิดซีนไล่ล่ามากไปหน่อย ผลลัพธ์เลยทำให้มันกลายเป็นเพียงหนังเกรดบีที่พอดูได้ไปอย่างน่าเสียดาย
ความดีของหนังส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นการแสดงของ นิโคลาส เคจ นี่แหละ ซึ่งไม่รู้เฮียแกร้อนเงินหรือยังไง เพราะพักหลังเราเริ่มพบหน้าแกได้ตามหนังฟอร์มเล็ก ๆ เกรดบี ๆ ที่โปสเตอร์ก็เอาแต่แกมาขายชื่อกันตรง ๆ แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าถึงหนังจะแย่แค่ไหนแต่พอได้การแสดงที่แทบไม่ต้องอาศัยฝีมือระดับรางวัลออสการ์ของเฮียเคจมาประดับบารมีก็ทำให้หนังเหลาเหย่ดูมีอะไรและ เฮียเคจ ในบท แฟรงค์ วอลซ์
ก็เท่ไม่น้อยเลยทีเดียว ลำพังแค่ซีนที่แกต้องไปล่า อังกอร์ เอ้ย! เสือจากัวร์ขาว ที่แน่นอนว่าดูออกเลยว่าเป็นซีจี.. ก็ทำให้คนดูเชื่อได้ไม่ยากว่าเขาคือนายพรานที่ช่ำชองการล่าสัตว์อันตรายจริง ๆ พ่วงด้วยความสามารถแบบน้อง ๆ ดร.ดูลิตเติล ที่สามารถควบคุมสัตว์ร้ายต่าง ๆ นานาได้ โดยบทได้เติมบุคลิกแอนตีฮีโรเข้าไปว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเงินก้อนโตก็ทำให้ตัวละครมีเสน่ห์ไม่น้อย ก่อนจะมาเละเทะตรงบทหนังเริ่มเติมรายละเอียดเข้าไปอีกว่าเคยเป็นทหารออกรบมาก่อน (แถมทุกคนบนเรือก็เหมือนจะเป็นอดีตทหารแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก) โอ้โห…ถ้าเอ็งไม่ชนะก็ไม่รู้ว่ายังไงแล้วล่ะ ฮ่าาาาา. จะเสียดายอย่างเดียวก็คือบทหนังและการกำกับของ นิค โพเวลล์ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ตัวละครได้แสดงสัญชาตญาณดิบแบบที่บทหนังพยายามสื่อนัก เลยกลายเป็นแค่ว่าเราได้เห็นพรานโคตรเก่งเป็นฮีโรช่วยทุกคนได้แบบเจออุปสรรคนิดหน่อย แต่ลูกดอกยาสลบก็เอาชนะปืนได้อยู่ดี จนหนังคาดเดาได้ง่ายมากขาดความตื่นเต้นไปอย่างน่าเสียดาย