นานๆ ทีจะได้มีโอกาสรีวิวหนังในอดีต ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็เหมือนการมองย้อนหลังดูประวัติศาสตร์เล็ก ๆ ต้นทุน นั่นแหละ คือ มันไม่ใช่แค่การทบทวนความรู้สึกที่เรามีต่อสิ่งนั้น แต่เป็นการรีเช็คอีกครั้งด้วยว่า เราได้เรียนรู้อะไรจากมัน เพราะบางอย่างที่มันเกิดขึ้น ณ ตอนนั้น เราจะยังไม่รู้หรอก ว่ามันจะส่งผลอะไรในอนาคต แต่ตอนนี้เราอยู่ในอนาคตนั้นกันแล้ว เราบอกได้แล้วละว่า การเกิดขึ้นของสิ่งนั้นมีผลอะไรต่อสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวมันบ้าง
ถ้าให้ทบทวนเรื่องความรู้สึก ผมจำได้ค่อนข้างแน่ชัดว่าโปรเจคองค์บากเป็นที่รํ่าลือกันมาอย่างเงียบ ๆ เราได้ยินสตันท์คนหนึ่งที่ชื่อ จา และได้ข่าวว่าเขาเก่งมาก นั่คือข้อมูลที่เราพอจะมี เอาเข้าจริงตอนนั้นผมไม่ได้สนใจหนังแอ็กชันเท่าไรหรอก แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคที่เฉินหลงก็ยังคงบูมตามปกติ มีบ้างที่ฌอง คลอดด์ แวนแดมม์ มาปะปนกระแส เจ็ท ลี ก็ด้วยเช่นกัน ใหม่ ๆ ดัง ๆหน่อยก็เป็นกังฟูแบบเรื่อง The Matrix แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจใหม่ ๆ ให้กับชาวโลกได้เท่าไรนัก เฉินหลงก็จะมาพร้อมกับความตลกบ้าน ๆ พร้อมกับฉากแอ็กชันเสี่ยงตายไปกับของในชีวิตประจำวัน
หรืออย่าง เจ็ท ลี ก็จะมาพร้อมกับกังฟูแบบสงบนิ่งแนวปรัชญา พูดน้อยตัวเล็กแต่ต่อยหนัก ส่วนด้านพี่ไทยเรานั้นรู้สึกว่าจะไม่มีอะไรเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าวงการหนังแอ็กชันก็ค่อนข้างจะน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย
เพราะหนังฮอลลีวูดก็พยายามหาสูตรใหม่ๆ หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นหนังแอ็กชันแนววินาศสันตะโร รถเก๋งชนรถสิบล้อ หรือจะเป็นแนวแอ็กชันตลกโปกฮาตำรวจคู่หู นั้นก็ดูจนไม่ฮาแล้ว แต่ในเวลานั้นก็คงไม่มีใครรู้ว่าจะหาอะไรใหม่ ๆ
มาป้อนให้กับแฟนคลับชาวหนังแอ็กชัน ว่าง่าย ๆ คือ ไม่รู้จะหาอะไรใหม่มากวาดเงินคนดูอีกแล้ว
เวลาผ่านไป ข่าวการถ่ายทำหนังเรื่ององค์บากก็มีให้ได้ยินได้อ่านกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความอยากดูเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
จนกระทั่งวันแรกของการปล่อยตัวอย่างหนัง
ภาพของไอ้หนุ่มอีสานที่วิ่งไต่ไหล่บรรดาแก๊งอันธพาลอย่างคล่องแคล่ว กระโดดข้ามหัวพ่อค้าแม่ขายในตรอกซอกซอย ไต่กำแพงสูงได้ราวกับเป็นสัตว์ป่า แถมยังสามารถโดดถีบยอดอกฝรั่งตัวใหญ่ด้วยลีลาแอ็กชันที่ ‘ไม่ปกติ’
ความไม่ปกติที่ว่านั้นคือการผสมลีลาหลายรูปแบบ นั่นคือ ศิลปะแนวสตันท์ผาดโผน เข้ากับความรวดเร็วว่องไวสไตล์ Free Running บวกด้วยความรุนแรงดุดันตามสไตล์มวยไทย แถมปล่อยคำโฆษณา(ที่กลายเป็นของคลาสสิกไปแล้ว ณ วันนี้) ที่ว่า ‘เล่นจริง เจ็บจริง ไม่สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ‘ ซึ่งส่วนผสมนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนโลกของภาพยนตร์ใบนี้ เรามีความรุนแรงแบบ บรู๊ซ ลี ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว เรามีความผาดโผนแบบเฉินหลง ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานหลายปีแล้วเช่นกัน ศิลปะหักกระดูกของ สตีเวน ซีกัล ก็มีอายุความอยู่ได้ไม่นาน ฌอง คลอดด์ แวนแดมม์ ก็เดินตามทุกคนที่ว่ามาแต่ก็ไม่ได้มีสไตล์ของตัวเอง ดังนั้นเมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น ชาวโลกก็พร้อมจะต้อนรับสิ่งนั้น แม้ว่ามันจะมาจากประเทศเล็ก ๆ อย่างไทยก็ตาม