Hot Fuzz เป็นหนังที่เจ๋งอย่างเหลือเชื่อครับ มันผสมความเป็นหนังตำรวจคู่หู+แอ็กชันเท่ห์ๆ+สืบสวน+ระทึกขวัญ+ฮา ได้อย่างโคตรกลมกล่อม จนผมเอามาดูซ้ำทุกๆ 2 เดือนตั้งแต่ซื้อมา (10 ปีเห็นจะได้)
Simon Pegg มามาดนิ่งจริงจัง Nick Frost มามาดซื่อภูธร 2 คนนี้ถือเป็นดาราคู่หูที่เด็ดเป็นอันดับต้นๆ ในใจผม เพราะพวกเขาจะคอยเสริมความเด่นให้กันและกันอย่างน่าปรบมือ และ Timothy Dalton อดีตบอนด์ก็สวมบทสไตล์เดิม (คนดูดี มีอำนาจ ไว้หนวด และไม่น่าไว้ใจ) ได้อย่างเหมาะสุดๆ
และที่ผมประทับใจมากคือพล็อตครับ “มันสนุกมาก” เนื้อหาผมว่ามันจริงจังเลยล่ะครับ ประมาณว่าเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง (ที่โหดไม่แพ้ศุกร์ 13) แล้ว 2 พระเอกก็ตามค้นปม ซึ่งปมที่ว่านี่ก็ซับซ้อนไม่ใช่เล่น ถ้าพูดกันถึงด้านบทนี่ถือว่าเขียนดีเทียบรุ่นหนังสืบสวนเข้มๆ ได้เลย
เมื่อนานมาแล้วผมกับคุณพี่ชายได้ไปเดินร้านเช่าหนังสาขา Show Time (ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่เกือบจะเป็นแห่งสุดท้ายของจังหวัดแล้วก็ว่าได้)แถวบ้านเลือกหยิบหนังวีซีดีเช่ามาดูกัน ณ ตอนนั้น เรามีหลักการเลือกเช่าว่า หนัง แอ็คชั่น1 ตลก1 และ การ์ตูน1 โดยหนังตลกที่เราเลือกหยิบขึ้นมาคือ Hot fuzz นี่แหละครับด้วยมุมมองที่ว่ามันน่าจะเป็นแค่หนังตลกล้อเลียนดูเอาขำๆเรื่องนึงเท่านั้น แต่เมื่อได้ชิมลางเท่านั้นแหละคุณๆครับบอกได้เลยว่า มันไม่ใช่หนังล้อเลียนหรืออะไรแนวๆนั้นทั้งสิ้น กลายเป็นว่านี่เราเช่าหนัง แอ็คชั่นมา2เรื่องเลยนะนี่ !
นิคโคลัส แองเจิล (ไซม่อน เพ็ก) ซุปเปอร์ตำรวจจากกรุงลอนดอนที่มีผลงานและประวัติการทำงานเป็นเลิศ ถูกเจ้านายและเพื่อนๆในที่ทำงานขอให้ย้าย(ขับไล่มากกว่า)ไปประจำอยู่ในภูธร แห่งไกลลอนดอนที่ชื่อ สแตนฟอร์ด หมู้บ้านซึ่งมีตัวเลขการก่ออาชญากรรมเป็น 0 ตำรวจที่สำนักงานสแตนฟอร์ดก็เลยอยู่ในสภาพเฮฮาไปวันๆไม่ต้องทำงานภาคพื้นที่อะไรมากนัก ที่นั้นนิคโคลัส ได้พบกับการตายอย่างปริศนาของคนในชุมชนที่ทุกคนต่างพากันมองว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนา นิคโคลัส จึงเริ่มออกสืบค้นหาข้อเท็จจริงต่างๆโดยมี แดนนี่ (นิค ฟรอส)ตำรวจหนุ่มลูกชายสารวัตรประจำสน.ผู้คลั่งไคล้หนังแอ็คชั่น เป็นผู้ช่วย ก่อนที่งานประกวดหมู่บ้านประจำปีจะเริ่มขึ้นพวกเขาจะต้องคลี่คลายคดีนี้และจับผู้ร้ายให้ได้
Hot Fuzz ถือเป็น the cornetto trilogy เรื่องแรกที่ผมได้ดู จากนั้นก็ Shaun of Dead และ The world’s end
นับว่าเป็นการเรียงลำดับที่ดี จากเรื่องราวธรรมดา ไต่ระดับความแฟนตาซี ขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ Hot Fuzz หนังที่ว่าด้วยเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดาครับ หนังหลอกคนดูเล่นด้วยกันหลายหน เปิดมาเราก็จะนึกว่ามันเป็นหนังตลกน่ารักๆ จนมีคนถูกฆ่าก็กลายเป็นหนังทริลเลอร์ พอหาความจริงได้แล้วก็กลายเป็นหนังระทึกขวัญ ก่อนจะปิดท้ายงามๆด้วยความแอ็คชั่น เป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ เพราะมันเป็นคาราวะอีกแล้วแต่คราวนี้เป็นการคาราวะหนัง แอ็คชั่นยุค80-90 ตำรวจคู่หูอะไรแนวนั้น โดยในเรื่องแดนนี่ เป็นคนบ้าหนังแอ็คชั่น พอมาเจอนิคโคลัส ที่เคยแอ็คชั่นมาแล้วจริงๆ ก็ถามนั้นโน้นนี่ เคยขับรถไล่คนร้ายไหม ? เคยกระโดดตะแคงข้างแล้วยิงปืนไหม ? เคยนอนยิงปืนขึ้นฟ้าแล้วร้อง อ๊าาาาาาาา แบบในหนัง Point Break ของคีอานูรีฟไหม แน่นอนครับไอ้ที่ว่ามาเนี่ยมันมีแต่ในภาพยนตร์ นิคโคลัส ก็บอกกลับไปว่างานตำรวจเนี่ยมันจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจะทำลายข้าวของหรือวิสามัญผู้ร้ายแบบในหนังมันไม่ได้ แต่แล้วพี่แกก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองครับในช่วงท้ายของหนัง นี่ก็จริงครับเป็นตำรวจใช่ว่าจะต้องแอ็คชั่นเสมอไป และ อะไรที่เห็นในภาพยนตร์ต่างนานามันเป็นแค่ความบันเทิงครับเราควรจะแยกแยะว่าอันไหนจริงอันไหนเกินจริง ถ้าเกิดมีคนดูหนังสักเรื่องที่เป็นหนังแอ็คชั่นแล้วไปเลียนแบบตามจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็จะเป็นปัญหาได้นะครับ แต่สิ่งที่เราควรจะนำกลับมาด้วยหลังจากชมภาพยนตร์แล้ว ควรจะเป็นแนวคิดหรือแก่นสารของหนังที่ทางผู้สร้างได้ถ่ายทอดเอาไว้ในรูปแบบของความบันเทิงครับ เราต้องรู้ด้วยเขาต้องการสื่อถึงอะไรในหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเลือกหยิบแต่ความสนุกสนานเฮฮา แต่ลืมหัวใจสำคัญของเนื้อเรื่องนั้นๆไป เหมือนเรากินผัดเครื่องแกงหมู แล้วเหลือถั่วฝักยาวทิ้งไว้เต็มจานนั่นแหละครับ แต่ก็เพราะหนังเรื่องนี้แหละครับ ทำให้ผมต้องไปหาหนังอีกสองเรื่องมาดูนั้นก็คือ Point Break คลื่นบ้าประทะคลื่นบ้า และ Badboy 2 ดูต่อหลังจากดูเรื่องนี้จบแล้ว มันส์กันไปข้างนึงเลยก็ว่าได้
ไซม่อน เพ็ก ในเรื่องนี้พลิกบทบาทเขาเลยก็ว่าได้เพราะในบทชอน เขาเป็นแค่คนธรรมดา ที่ต้องมาเจอกลับซอมบี้ แต่ คราวนี้เขาได้เป็นซุปเปอร์ตำรวจ แต่ด้วยความซุปเปอร์ของเขาทำให้เขาโดดเดี่ยวเพราะบ้างานเกินไปเคร่งกฎระเบียบจนไม่สนใจความรู้สึกคนรอบข้างเลยโดนแฟนทิ้งอีกต่างหาก ส่วน นิค ฟรอส ที่มาในบทแดนนี่ เขาเป็นคนชิวๆสบายๆได้ทุกเวลาแม้เวลาทำงานจนงานไม่เป็นงาน(แต่ก็ยังไม่บ้าเท่าเอ็ดใน Shaun of Dead ) เขาพยายามบอกให้นิคโคลัสสนุกกับชีวิตบ้างเลยเปิดหนังให้ดู เพราะนิคโคลัสไม่เคยดูหนังมาก่อนเลยวันๆเอาแต่คิดเรื่องงาน แดนนี่เลยบอกว่า “คุณต้องหัดปิดมันบ้างนะหัวของคุณน่ะ” นิคโคลัสเขาตึงเกินไป แดนนี่ก็หย่อนเกินไป แต่เมื่อเขาสองคนมาเจอกันมันก็เหมือนกับช่วยผลักดันซึ่งกันและกัน เป็นมิตรภาพของลูกผู้ชายในแบบที่สาววายจะไม่มีทางเข้าใจ กลายเป็นสุดยอดคู่หูตำรวจ ประเด็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนอ้วนผอมคู่นี้ก็มีให้เห็นมาตั้งแต่ Shaun of Dead แล้ว แต่ถ้าจะให้เก่าแก่กว่านั้นหน่อยก็คงเป็น Power ranger เข้าคอนเซ็ปเพื่อนไม่ทิ้งกัน