ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าตัวเองเป็นทหารจิ๋นซีฮ่องเต้กลับชาติมาเกิด เพราะ ชอบอะไรที่เป็นจีนๆ กินบะหมี่(มาม่า) อ่านนิยายจีนกำลังภายใน ดูหนังจีน จนโตขึ้นเพิ่งมาเข้าใจตัวเองว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราคือคนในยุคที่โตมากับหนังจีน ทั้งทางทีวี และหนังกลางแปลง จึงไม่แปลกใจตัวเองในตอนนี้ที่ในขณะที่มีหนังใหม่ๆรอให้ดูอีกหลายๆเรื่องแต่ทันทีที่เปิดเจอในกล่อง TrueID TV แล้วเจอตัวเลือก #หนังฮ่องกงคลาสสิค เลยหาดูเลยและหนึ่งในหนังที่ก้าวพ้นวัยของตัวเองเรื่องหนึ่งที่ดูหลายๆรอบไม่มีเบื่อและขอดูอีกครั้งคือเรื่องนี้ #ยึดถนน_เก็บใจไว้ให้เธอ
ปฏิเสธไม่ลงเลยว่าถ้าจะมีใครที่เล่นหนังขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่(สมัยนี้เรียกบิ๊กไบค์)ได้เท่ห์แบบสุดตีนก็คงจะมีพี่ #หลิวเต๋อหัว มาเป็นอันดับแรกแน่นอน และมันก็คือเหตุผลที่ตีตั๋วเข้าไปดูในโรงหนังในเชียงใหม่ยุคที่ค่าตั๋ว 30 บาทเลือกที่นั่งได้และซื้อผลไม้ดองหมึกย่างเข้าไปเคี้ยวให้เมื่อยกรามได้ด้วย แต่ทว่าเบื้องหลังความเท่ห์นั้นมันมีอะไรมากมายให้จดจำ และประทับในความทรงจำมาจนถึงปัจจุบันนั่นคือ ความน่ารักในแบบสาวแว่นของจีจี้ #เหลียงหย่งฉี ที่ละลายหัวใจได้เลย
เนื้อเรื่องคงไม่ต้องพูดถึงเพราะมันนานมาแล้วเพียงแต่การดูหลายๆครั้งในวัยที่ต่างกันได้พบได้เห็นมุมมองที่ต่างกันและมันพัฒนามุมมองขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ดูครั้งแรกเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาเราเห็นในมุมของความรักระหว่างหนุ่ม(โคตร)หล่อกับสาวน่ารัก นิ่งๆแต่มีเสน่ห์ที่ใครดูก็ต้องหลงรักเธอที่มีนามว่า อาหยี่ ที่ไม่ว่ายังไงเธอยังรักและศรัทธาในตัวอาโจ๋อย่างไม่มีใครเทียบ แม้อาโจ๋จะทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเฉยชา ความหลงเพื่อน และความรักในความเร็วที่อาหยี่มองว่าอันตรายและมองอาโจ๋ด้วยความเป็นห่วง จนในที่สุดเมื่อเธอตัดสินใจจากไปเธอยังใจไม่แข็งพอที่จะไปจริงๆ และสำหรับอาโจ๋ กว่าจะรู้ตัวเองว่าอาหยี่มีค่ากับตัวเองขนาดไหนก็เกือบที่ต้องสูญเสียเธอไปแล้ว และยังดีที่ยังไม่สายเกินไป
ประเด็นต่อมาเรื่องของการเอาชนะใจตัวเอง และเอาชนะความกลัว อาโจ๋คือนักแข่งรถที่ฝีมือดีที่สุดเร็วที่สุด และนั่นทำให้เขาไม่ต่างจากศูนย์กลางจักรวาล เมื่อมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมาเจออย่างเดวิด ที่เป็นเหมือนคนที่ฟ้าส่งมาให้ไม่เป็นเพื่อนก็เป็นคู่แข่งไปเลย แล้วเหตุการณ์ก็พาไปให้เป็นอย่างหลัง และเมื่อต้องสูญเสียเพื่อนที่รักอย่างเจียเล่อไป แทนที่อาโจ๋จะโทษตัวเองกลับโทษคนอื่นและมันก็เป็นที่มาของการต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อขจัดความกลัวในจิตใจ แต่ นั้นคือการใช้เดวิดมาเป็นส่วนผลักดันตัวเอง แต่ไม่ว่ายังไงท้ายที่สุดอาโจ๋ก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ทุกอย่างที่เห็น ที่เป็น และที่เกิดแม้ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของใครและไม่ควรโทษใคร ไม่เว้นแม้แต่ เดวิด
ส่วนหนึ่งที่ทำให้อาโจ๋เป็นอย่างที่เห็นในหนัง พื้นฐานมาจากครอบครัวที่ต้องสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก การโตมาโดยที่ไม่ยอมรับแม่เลี้ยง พ่อที่ทำแต่งานแต่ไม่เคยดูแลลูก(ตามแบบฉบับคนเอเชีย)ทิ้งความรับผิดชอบให้กับแม่เลี้ยงที่แม้จะไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายแต่เธอก็วางตัวลำบาก การโตมาในร้านขายรถและทีมแข่งรถทำให้เขาชอบความเร็ว แต่การที่ไม่ได้ถูกขัดเกลาอย่างไกล้ชิดเลยทำให้การกระทำขัดหูขัดตาและขัดใจอาพอลผู้พ่อไปทุกอย่าง ซึ่งมองได้ว่าอาโจ๋เรียกร้องความสนใจตามประสาเด็กขาดความอบอุ่น แต่อาพอลกลับมองเป็นการต่อต้าน สุดท้ายคนที่ควรจะรักกันที่สุดกลับกลายมาเป็นศัตรู และใครก็ตามที่อาพอลดีด้วยก็จะกลายเป็นศัตรูของอาโจ๋ไปด้วย เพียงแต่อาโจ๋ยังมีอาหยี่ที่อยู่เคียงข้างมอบความรักที่ขาดหายไปในช่องว่างของหัวใจ มีเพียงอาหยี่เท่านั้นที่คอยตักเตือนห้ามปรามในบางเรื่องเลยทำให้แม้อาโจ๋จะหมิ่นเหม่กับการกลายเป็นคนที่เลวร้ายแต่ก็ไม่เป็น แต่เพราะความที่เขารักอาหยี่อย่างหมดใจ แม้จะแสดงออกไม่เก่ง(แต่คนดูจะรู้เมื่อเขาอยู่ในอาการปางตายแต่มีภาพอาหยี่ปรากฎในความทรงจำ)และดูเหมือนเฉยชาและทำร้ายจิตใจอาหยี่ในบางคราวก็ตาม และสุดท้ายความรักที่พ่อมีต่อลูกก็ยังไม่สามารถตัดขาดได้