ปลายทางแห่งตัวตน บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหา บ้างเดินไปตามเงื่อนเวลาบ้างค้นหาด้วยหัวใจ กัส แวน ซองค์ ผู้กำกับที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ให้ความหมายของการค้นพบตัวตนบนเส้นทางชีวิต ได้อย่างน่าสนใจในภาพยนตร์ดราม่า Finding Forrester (2000)
ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของนักเขียนเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เห็นแววนักศึกษาหนุ่มผิวสี และรู้ว่านี่คือ พรสวรรค์ อย่างแท้จริงวิลเลี่ยม ฟอร์เรสเตอร์ (ฌอน คอนเนอรี่) นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่หันหลังให้กับสังคมเขาเคยโด่งดังจัดว่าเป็นนักเขียนระดับตำนานกับงานเขียนที่ชื่อว่า AVALON LANDINGผลงานมาสเตอร์พีชที่นำมาสอนนักศึกษาในวิทยาลัยมาแล้วหลายต่อหลายรุ่นและหนึ่งในนั้น จามัล วอลเลซ นักศึกษาที่ทำคะแนนการเขียนได้ดีจนวิทยาลัยในแมนฮัตตันให้ทุนเรียนฟรี จามัล เด็กหนุ่มผิวสีที่มีฝีมือเยี่ยมยอดในการเล่นบาสเกตบอล และสิ่งนี้ทำให้เพื่อนๆ ยอมรับในตัวเขา แต่ในอีกมุมหนึ่งฝีมือในการเขียนของเขาก็ไม่ธรรมดา ความสามารถในเรื่องนี้ไม่มีใครล่วงรู้ได้ เพราะเขาเก็บมันไว้เพียงลำพังเท่านั้น
จนเมื่อวันหนึ่งเขาคิดสนุกตามคำเรียกร้องของผองเพื่อนซนๆ ของเขาให้เข้าไปในห้องของตาแก่คนหนึ่งนั่นก็คือฟอร์เรสเตอร์ เพราะพฤติกรรมของฟอร์เรสเตอร์ประหลาดและน่าสงสัย เขาชอบจ้องมองพวกของจามัลเวลาเล่นบาสฯ จามัลเข้าไปในห้องของฟอร์เรสเตอร์ และถูกจับได้ เขาวิ่งหนีจนลืมกระเป๋าไว้ที่นั่น และวันต่อมากระเป๋าใบนั้นถูกโยนออกมาจากหน้าต่างห้องของฟอร์เรสเตอร์ สมุดงานเขียนในกระเป๋าของจามัลถูกแก้ไขและถูกคอมเม้นท์จากนักเขียนรุ่นใหญ่ จามัลกลับไปที่ห้องของฟอร์เรสเตอร์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การลอบเข้าไปอย่างพลการเหมือนครั้งก่อนหากแต่เป็นการขอให้ฟอร์เรสเตอร์คอมเม้นท์งานเขียนของเขาอีก
ฟอร์เรสเตอร์มองเห็นแววของเด็กหนุ่มวัย 16 ปี ด้วยการใช้คำและความแตกฉานด้านภาษาของจามัล ฟอร์เรสเตอร์รู้ว่าจามัลมีพรสวรรค์ในการเขียนหนังสือ เขาแนะนำวิธีและชี้ให้เห็นมุมมองของการเขียนแก่จามัล เพียงแต่ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขที่ว่า ไม่เปิดเผยชื่อของฟอร์เรสเตอร์ และห้ามนำงานเขียนที่เขียนในห้องของฟอร์เรสเตอร์ออกจากห้องโดยเด็ดขาด
จามัล ส่งเรียงความของเขาเข้าประกวด แต่ถูกคณะกรรมการสอบสวน ด้วยเพราะชื่อและย่อหน้าแรกของเรียงความ มาจากการก๊อปปี้บทความที่ตีพิมพ์ในนิวยอร์คเกอร์ เมื่อปี 1960 มันเป็นบทความของ วิลเลี่ยม ฟอร์เรสเตอร์ นั่นเองทางคณะกรรมการจะอนุโลมให้ในกรณีที่จามัลได้รับอนุญาตจากเจ้าของบทความเท่านั้น แต่ด้วยสัญญาแห่งมิตรภาพที่เขาและฟอร์เรสเตอร์มีต่อกัน เขาไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ได้ ผลก็คือเขาถูกฑัณบน จามัลต่อว่าฟอร์เรสเตอร์ที่ตั้งชื่อเรียงความนี้ให้กับเขาในฐานะของครูคนหนึ่ง แต่ฟอร์เรสเตอร์ไม่รู้มาก่อนว่าจามัลจะส่งเรียงความเรื่องนี้เข้าประกวด เพราะสัญญาของเขาคือห้ามนำงานเขียนออกนอกห้องเด็ดขาด และด้วยความโกรธเขาบอกจามัลว่าจะไม่ยอมไปรับหน้าแทนใครทั้งนั้น