Ferry ภาพยนต์สัญชาติเบลเยียมจาก Netflix ที่เป็นภาคต้นของซีรีส์อาชญากรรมสร้างจากเรื่องจริงอย่าง Undercover โดยเป็นเรื่องราวของแฟร์รี่ มือขวาของหัวหน้าแก๊งค์ยาเสพติด ที่ถูกลูบคมด้วยการปล้น เขาจึงต้องออกสะสางความแค้นนี้ ก่อนจะก้าวเข้าสู่การเป็นตัวบอสในซีรีส์หลัก
แฟร์รี่ ภาพยนต์ที่เป็น prequel หรือเรื่องราวก่อนซีรีส์อาชญากรรมอย่าง Undercover เกี่ยวกับชีวิตของเจ้าพ่อยาเสพติด ก่อนที่เขาจะมาเป็นเจ้าพ่อ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และภาพยนต์เรื่องนี้ก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้น่าสนใจ
ในหนังจะเล่าถึงสมัยที่แฟร์รี่ เป็นมือขวาของเจ้าพ่อคนหนึ่งในเมืองอัมสเตอร์ดัม แต่เกิดเหตุการณ์ที่เจ้าพ่อคนนี้ถูกปล้น จนทำให้ลูกชายเจ้าพ่อได้รับบาดเจ็บ แฟร์รี่จึงต้องไปตามสะสางบัญชีแค้น แต่ก็เกิดเหตุการณ์มากมายระหว่างทาง ทั้งพบกับความรักครั้งใหม่ หรือกลับไปหาพี่สาวที่ไม่ได้เจอกันมานาน กับบทสรุปของโลกอาชญากรรมที่ไม่ได้สวยหรู แต่ชวนให้ดูเวอร์ชั่นซีรีส์ต่อ
แต่ในการรีวิวนี้ ผู้เขียนเพิ่งมาทราบทีหลังว่ามันเป็นหนังภาคแยกของซีรีส์ เลยดูด้วยความที่ไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับตัวละครนี้เลย แต่กลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้สนุกใช้ได้เลย ทั้งๆ ที่ตัวเอกของเรื่องคือตาลุงพุงพลุ้ย ท่าทางดูไม่น่าคบหาคนหนึ่ง
เราจะค่อยๆ รู้จักตั้งแต่วัยเด็กของเขา เติบโตมาในครอบครัวแบบไหน และตัดกลับมาที่งานของเขา เกี่ยวกับการทวงหนี้ ฆ่าคน เป็นมือปืนให้หัวหน้า จนได้รับภารกิจ แกนหลักของเรื่องนี้ เราจะค่อยๆ ได้เห็นตัวตนของของชายร่างใหญ่ รวมไปถึงปูมหลังเกี่ยวกับครอบครัว และเรื่องราวมันจะเริ่มน่าสนใจขึ้น เมื่อภารกิจตามล่าฆ่าคนของเขา ดันมาเจอกันสาวสวยคนหนึ่ง
ตัวละครแดเนียล โผล่เข้ามาในจังหวะชีวิตที่กำลังมรสุม ทั้งเรื่องครอบครัวตัวเอง เรื่องของแก๊งค์ ในพาร์ทนี้เหมือนกับได้เห็นตัวตนอีกด้าน ที่ทำให้เราเข้าใจตัวละครแฟร์รี่และมันชวนติดตาม ว่าความรักของเขาจะเป็นอย่างไรต่อ จนในตอนท้ายมันกลายเป็นจุดเซอร์ไพรส์ ที่เหมือนตบหน้าคนดู ที่กำลังดูเพลินๆ แล้วโยนอะไรหนักๆ มาให้ มันไม่เชิงหักมุม แต่ก็เป็นจุดพีคของเรื่องที่ทำให้เรานั่งเก้าอี้ไม่ติดเหมือนกัน ลุ้นว่าแฟร์รี่จะเอายังไงต่อ แต่ถ้ามองอีกมุม มันก็เหมือนกับการบังเอิญ หรือเจาะจงวางปมไว้เกินไปเหมือนกัน
ฉากโหด ฉากแอคชั่น เลือดสาดและดิบ แต่ก็ไม่ได้มีฉากพวกนี้มากนัก เพราะส่วนใหญ่มันจะนำเสนอเรื่องราวดราม่า สิ่งรอบๆ ตัว ของตัวเอกที่เกิดขึ้นมากกว่า หรืออย่างในตอนจบก็เป็นซีนไคล์แมกซ์ชวนสะใจเล็กๆ และมีจุดเชื่อมที่ทำให้เราอยากดูซีรีส์ต่อทันที ว่าแฟร์รี่ ได้กลายเป็นตัวละครแบบไหน สร้างอาณาจักรยาเสพติดของตัวเองอย่างไร
แต่ตัวพล็อตเรื่องเอง มันก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่หรือทำให้คนดูรู้สึกทึ่ง แต่ถ้าใครเป็นแฟนซีรีส์เรื่อง Undercover มาก่อน น่าจะชอบมากที่ได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของตัวร้ายหลัก การดำเนินเรื่องมันเหมือนเป็นการพาเราไปเห็นช่วงเวลาอดีตเฉยๆ เช่นทุกคนในเรื่องใช้มือถือโนเกียแบบปุ่มกด หรือจุดพลิกผันหักมุมมันก็ยังพอที่จะเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นแบบไหน จบอย่างไร เดาได้ไม่ยากเลย
แต่ถ้านับในความเป็นหนังอาชญากรรมแล้ว ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน ทั้งลุ้น สนุก ตื่นเต้น มีดราม่ามาคั่นอารมณ์ และมันกลมกลืนไปกับเรื่อง ไม่ได้รู้สึกน่ารำคาญ แถมมันยังเป็นตัวเชื่อมไปสู่ตอนจบที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์ เรียกได้ว่ากลมกล่อม ครบทุกรส แต่ก็ไม่ได้สดใหม่สักเท่าไหร่ พล็อตเรื่องที่เดาง่าย ตอนจบแบบเพลย์เซฟ แต่ก็เชื่อมไปสู่ซีรีส์ได้ดี และทำให้อยากดูซีรีส์ต่อทันที