ถ้าคุณเป็นคนชอบดูภาพยนตร์ชีวประวัติ รวมถึงกีฬาปีนเขาหรือมีความฝันที่อยากจะพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเติมเต็มจินตนาการของคุณได้เป็นอย่างดี ด้วยภาพที่ออกมาแบบในลักษณะ Landscape ทำให้เราเห็นภูมิทัศน์ของภูเขาที่สูงที่สุดในโลกได้อย่างชัดเจนสวยงาม แล้วยิ่งคุณได้ดูในรูปแบบ 3D หรือ Imax รับรองว่าต้องประทบใจสุดๆ
ภาพยนตร์บอกเล่าเหตุการณ์ 1996 Mount Everest disaster หรือการเหตุการณ์การเสียชีวิตของคณะปีนเขาเอเวเรสต์ในปี 1996 ซึ่งในหนังได้ให้บทนำอย่าง Rob Hall (แสดงโดย Jason Clarke) เป็นแกนนำของเรื่อง โดยร๊อบคือผู้นำทัวร์ และบริษัทเขาถือว่าโด่งดังมาก เพราะตั้งแต่เขาเปิดบริษัทในปี 1993 เขาสามารถพานักปีนเขา 39 คนพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ โดยค่าใช้จ่ายต่อคนราคา $65,000
โดยเหตุการณ์ช่วงเดือนเม.ย. -พ.ค.1996 เขาและคณะรวม 11 คน ได้เดินเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรต์ นอกจากคณะของพวกเขายังมีทัวร์ไกด์บริษัทอื่นๆอีกที่ขึ้นไปพิชิตยอดเขาแห่งนี้ และในช่วงวันที่ 10-11 พ.ค. 1996 มีผู้เสียชีวิตถึง 15 คน (รวมคณะอื่นๆด้วย) และด้วยเหตุกาณ์นี้ ทำให้ผู้เสียชีวิตและผู้ที่รอดชีวิต ได้เป็นตำนานและเป็นเรื่องเล่าขานของนักปีนเขาเอเวอเรสต์ทุกคนครับ (ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ แล้วเรื่องราวมาเขียนหนังสือคือ Jon Krakauer “Into Thin Air ” และ Beck Weathers “Left for dead”)
เรามาพูดถึงตัวภาพยนตร์กันบ้างอีกว่า ช่วงแรกของหนังจะออกแนวไกด์ทริป สร้างความเข้าใจถึงการเดินทางไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ตั้งแต่ลงสนามบินที่เนปาล ต่อรถไปยังเบสแคมป์ ซึ่งระยะเวลาช่วงนี้จะนานสักหน่อย แต่หนังได้สอดแทรกเรื่องราวความฝันของแต่ละคน ปมความรู้สึกลึกๆในใจ ว่าทำไมพวกเขาถึงอยากจะมาพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ทั้งๆที่รู้ว่า ความตายได้รออยู่ตรงหน้า ถือว่าสื่อออกมาได้อย่างพอดีเลยทีเดียว โดยการเขียนบทภาพยนตร์โดย Simon Beaufoy (คว้ารางวัลออสการ์เขียนบทจาก Slumdog Millionaire) และ William Nicholson (เขียนบทหนังดังอย่าง Gladiator, Les Misérables)
ด้านผู้กำกับ Baltasar Kormákur พูดได้คำเดียวว่า ไม่ทำให้เราผิดหวัง! ส่วนของสเปเซียลแอฟเฟคถือว่าทำได้ดีมาก เต็มตาเต็มอารมณ์เหมือนเราได้ติดตามและลุ้นไกับพวกเขาจริงๆ ซาวน์แทร็คช่วยถืออารมณ์ของภาพยนตร์ได้อย่างดี และรวมถึงทีมแต่งหน้า เพราะออกแบบหิมะและน้ำแข็งที่เกาะบนหน้าของนักแสดงได้อย่างแนบเนียนจริง
สุดท้าย ในแต่ละปีมีภาพยนตร์เกี่ยวกับการผจญภัย-ชีวประวัติที่สร้างจากเรื่องจริงไม่กี่เรื่อง รวมถึงเรื่องราวที่เป็นตำนานของการสูญเสียในปี 1996 ภาพยนตร์ Everest ถือว่าตอบโจทย์จุดนี้ได้ดีครับ