หลังๆ มานี้
การทำหนังในลักษณะข้ามชาติหรือการร่วมมือระหว่างผู้กำกับ นักแสดง กับทีมงานในประเทศต่างๆ
เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่มักอยากให้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกมีโครงการสร้างภาพยนตร์ร่วมกันเพื่อไม่ให้หนังหนึ่งเรื่องเป็นสมบัติของชาติใดชาติหนึ่งอีกต่อไปแล้ว แต่เรียกว่าเป็นสมบัติของวัฒนธรรมกลุ่มต่างๆ
มากกว่า และสำหรับภาพยนตร์เรื่อง
Distance ที่ไทยเราเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ก็กำลังจะตีแผ่ความหมายของสังคมออนไลน์ให้เกิดขึ้นผ่านการเล่าเรื่องครั้งนี้
ตัวหนังติดตามชีวิตของเฉิน (แสดงโดย
Chen Bolin)
ในช่วงวัยต่างๆ จากที่ยังเป็นวัยรุ่น สู่วัยผู้ใหญ่และเข้าใจโลกมากขึ้น โดยเฉินเป็นตัวแทนของคนที่โตมาในยุคที่โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตกำลังกลายมาเป็นปัจจัยที่จำเป็นกับชีวิต
และฉายภาพให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ขยับไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันรู้ตัวผ่านสถานการณ์ต่างๆ
ที่เขาประสบพบเจอ
Distance แบ่งเรื่องเล่าออกเป็น 3 ส่วนย่อยโดยให้ผู้กำกับจากแต่ละประเทศดูแลแต่ละส่วนแยกกันไป
ส่วนแรกคือ The Son ของผู้กำกับชาวจีน
Yukun Xin เล่าเรื่องของเฉินในฐานะลูกชาย
และในฐานะของคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อ ส่วนที่สอง The Lake ของ
Shijie Tan ผู้กำกับชาวสิงคโปร์ที่ฉายให้เราเห็นเฉินในบทบาทเพื่อน และส่วนสุดท้าย
The Goodbye ของศิวโรจณ์
คงสกุล นำเสนอเฉินกับภาวะชายหนุ่มผู้ว่างเปล่าซึ่งต้องหันกลับมาเรียนรู้ที่จะ ‘รู้สึก’ อีกครั้งหนึ่ง (ตอนนี้มีแพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช มาแสดงร่วมด้วยนะ!) ซึ่งเมื่อดูจนจบทั้งเรื่องจะเข้าใจว่าหนังกลับมาตั้งคำถามกับคนในยุคปัจจุบันผู้เติบโตมากับปรากฏการณ์โลกาภิวัตน์และโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ให้ย้อนกลับไปเข้าใจระบบความสัมพันธ์ที่เป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมมนุษย์ทั้งหมด
แต่อาจเป็นเพราะระยะห่างที่ไกลไปหน่อยระหว่าง 3 ประเทศเช่นกัน
เลยทำให้โครงเรื่องของหนังไม่อาจประสานเข้าเป็นหน่วยก้อนเดียวที่กลมกลืน แต่ถึงอย่างนั้น
ในแง่ของคุณภาพของการถ่ายทำก็ต้องนับว่าแนบเนียนใกล้เคียงกันใช้ได้
โดยเฉพาะด้านภาพที่งดงามดีไม่มีตก ส่วนตัวเราชอบพวก long shot ที่ดึงนักแสดงออกมาให้เรามองอยู่ไกลๆ
เพิ่มความรู้สึกไร้มิติที่ยิ่งไปขับเน้นประเด็นของเรื่องที่เน้นการแสดงในส่วนลึกให้เด่นชัดขึ้น
หลายครั้งเราพบว่าทุกการกระทำของตัวละครในเรื่องดำเนินไปอย่างหลบซ่อนและไม่ได้พูดถึงประเด็นที่แท้จริงออกมาตรงๆ
เหมือนอย่างในช่วงท้ายของหนัง เฉิน
ในบทบาทของอาจารย์สอนเรื่องวัฒนธรรมได้กล่าวเกี่ยวกับโลกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กไว้ว่า
ความสัมพันธ์ของมนุษย์กลับกลายเป็นแนวแผ่ขยายกว้างที่ครอบคลุมคนไปทั่ว แต่ก็เพียงผิวเผิน
แทนที่จะเป็นแนวลึกที่มีความซับซ้อน จริงจัง รุนแรง และเหนียวแน่น เหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่เล่นด้วยกันมา
แต่ในโลกยุคใหม่ เฉินเดียวดายและไม่มีใครอยู่เคียงกายเหมือนดั่งวันนั้นอีกต่อไปแล้ว
เขาคิดว่าเขาจะกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ แต่จริงๆ
แล้วตัวเขาเองยังคงหลงทาง