ร่ายไม่ยาวครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นภาคที่ผมชอบน้อยที่สุดแล้วล่ะในบรรดาหนัง Child’s Play ทั้งหมด เพราะเรื่องราวมันออกจะเล่นจนเลอะ แก่นสารแทบหาไม่เจอ (แม้จะยังพอมีความสยองอยู่ไม่น้อยก็ตาม)
ภาคนี้ก็ตามชื่อเรื่องครับ ว่าด้วย “เชื้อผีของชัคกี้” ซึ่งก็คือลูกของพวกเขานั่นแหละ (ใครดูภาค 4 มาจะทราบว่าชัคกี้ไปมีลูกตอนไหน) ซึ่งเจ้าลูกคนนี้นี่เองที่ปลุกชีพชัคกี้ (Brad Dourif) และทิฟฟานี่ (Jennifer Tilly) ให้ฟื้นขึ้นมา และแน่นอนว่าชัคกี้ก็ต้องหาทางฆ่าชาวบ้านอีกตามสูตร
หนังออกมาทีเล่นทีจริงครับ เน้นฮาซะเยอะ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเลอะเลือดอยู่ จริงๆ ต้องบอกว่าฉากโหดน่ะมีไม่น้อยเลยครับ ซึ่งมันน่าจะเป็นส่วนผสมที่ไม่เลวนะ เป็นหนังสยองผสมตลกไปด้วยก็น่าจะดี แต่จุดอ่อนสำคัญของหนังก็คือหนังดันออกแนว “ทีเล่น” เยอะจนเลอะ ไม่มีประเด็นชัดๆ ในการเดินเรื่อง หนังมันเลยไม่ได้น่าติดตามอะไรมากมายครับ
ภาคนี้ Don Mancini ผู้สร้างสรรค์เรื่องราวของชัคกี้มานั่งเก้าอี้กำกับเป็นครั้งแรก ก็ถือเป็นการลองงานครับ ซึ่งก็คงต้องบอกว่าหน้าที่พี่แกในการกำกับอาจจะยังไม่โดนนัก
ถ้าลองมองๆ แล้วบทจริงๆ ก็ดูจะโอเคนะ แต่พอ Mancini เน้นเล่าให้ฮา เล่าเชิงเล่นมากๆ แล้ว หนังมันเลยเสียกระบวนน่ะครับ คือถ้าดูเอาฮาน่ะได้ แต่มันไม่ใช่ “แค้นฝังหุ่น” แบบที่ทำให้แฟนๆ ชื่นชอบแต่ดั้งเดิมอีกต่อไปร่ายไม่ยาวครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นภาคที่ผมชอบน้อยที่สุดแล้วล่ะในบรรดาหนัง Child’s Play ทั้งหมด เพราะเรื่องราวมันออกจะเล่นจนเลอะ แก่นสารแทบหาไม่เจอ (แม้จะยังพอมีความสยองอยู่ไม่น้อยก็ตาม)ภาคนี้ก็ตามชื่อเรื่องครับ ว่าด้วย “เชื้อผีของชัคกี้” ซึ่งก็คือลูกของพวกเขานั่นแหละ (ใครดูภาค 4 มาจะทราบว่าชัคกี้ไปมีลูกตอนไหน) ซึ่งเจ้าลูกคนนี้นี่เองที่ปลุกชีพชัคกี้ (Brad Dourif) และทิฟฟานี่ (Jennifer Tilly) ให้ฟื้นขึ้นมา และแน่นอนว่าชัคกี้ก็ต้องหาทางฆ่าชาวบ้านอีกตามสูตรหนังออกมาทีเล่นทีจริงครับ เน้นฮาซะเยอะ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเลอะเลือดอยู่ จริงๆ ต้องบอกว่าฉากโหดน่ะมีไม่น้อยเลยครับ ซึ่งมันน่าจะเป็นส่วนผสมที่ไม่เลวนะ เป็นหนังสยองผสมตลกไปด้วยก็น่าจะดี แต่จุดอ่อนสำคัญของหนังก็คือหนังดันออกแนว “ทีเล่น” เยอะจนเลอะ ไม่มีประเด็นชัดๆ ในการเดินเรื่อง หนังมันเลยไม่ได้น่าติดตามอะไรมากมายครับภาคนี้ Don Mancini ผู้สร้างสรรค์เรื่องราวของชัคกี้มานั่งเก้าอี้กำกับเป็นครั้งแรก ก็ถือเป็นการลองงานครับ ซึ่งก็คงต้องบอกว่าหน้าที่พี่แกในการกำกับอาจจะยังไม่โดนนักถ้าลองมองๆ แล้วบทจริงๆ ก็ดูจะโอเคนะ แต่พอ Mancini เน้นเล่าให้ฮา เล่าเชิงเล่นมากๆ แล้ว หนังมันเลยเสียกระบวนน่ะครับ คือถ้าดูเอาฮาน่ะได้ แต่มันไม่ใช่ “แค้นฝังหุ่น” แบบที่ทำให้แฟนๆ ชื่นชอบแต่ดั้งเดิมอีกต่อไป
ก็ดูเอาขำครับ ไม่คิดมากก็ถือว่าดูให้ครบชุด