หากหนังหุ่นไซบอกที่มีวิทยาการเลิศล้ำจากฟากฮอลลีวู้ดไม่ทำให้รู้สึกแปลกใหม่ประทับใจมากขึ้นแต่อย่างใด ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเสพภาพยนตร์ไซไฟสัญชาติสเปนดูกันบ้าง แน่นอนว่ารสชาติหนังสเปนไม่เคยทำให้ผิดหวัง และยังได้ความรู้สึกใหม่ๆจากหนังไซไฟที่หาการตีความแบบนี้ไม่ได้จากฟากอเมริกัน
ออโตมาต้าเป็นภาพยนตร์ที่มีคอนเซปต์และแก่นเรื่องชัดเจน สารในภาพยนตร์กล่าวถึงแนวคิดของวิวัฒนาการโดยธรรมชาติ หลักใหญ่กล่าวถึงการวิวัฒนาการยุคต่อไปหลังจากนี้ ซึ่งแน่นอนในหนังเรื่องนี้สิ่งที่มีวิวัฒนาการต่อไปไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นหุ่นไซบอกที่มีสมอง การเรียนรู้ และความคิดที่ซับซ้อนกว่ามนุษย์หลายสิบเท่า ซึ่งแน่นอนว่ามีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นได้และมนุษย์ที่มีพัฒนาการด้อยกว่าจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ครองโลกอีกต่อไป
แนวคิดอันล้ำลึกมาพร้อมการแทนค่าสัญลักษณ์ต่างๆในภาพยนตร์มากมาย ที่ผู้กำกับเลือกใส่ไว้ทำให้ตัวหนังมีน้ำหนักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเต่าทะเล ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการวิวัฒนาการตามทฤษฎีของ ชาร์ล ดาวิน หรือเขตกัมตรังสีสูงที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้และจำกัดพื้นที่การอยู่อาศัยของมนุษย์ให้น้อยลง ต่างจากหุ่นยนต์ที่สามารถอยู่ได้ทุกสภาวะในโลก(หลังจากธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป) ซึ่งผู้กำกับได้ใส่ความหมายนี้ลงไปด้วยแมลงสาบที่อยู่ทนได้ทุกสภาวะและเอาชีวิตรอดมาได้ทุกยุคสมัย นอกเหนือจากนี้ฉากการโหนสลิงข้ามไปยังอีกฝั่งของหน้าผาก็ยังสื่อไปถึงการก้าวข้ามผ่านวิวัฒนาการที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยการแทนค่าสัญลักษณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีความประณีตในเชิงตกตะกอนความคิด และแจกแจงคอนเซปต์และแก่นสารได้อย่างชัดเจนและมีน้ำหนักมากทีเดียว
“ห้ามทำร้ายมนุษย์และห้ามปรับปรุงตัวเอง”
มันคือกฏเหล็กสองข้อที่วิศวกรคอมพิวเตอร์มนุษย์ผู้ออกแบบหุ่นออโตมาต้าได้ลงข้อมูลเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว และเพื่อปกป้องสายพันธุ์มนุษย์ผู้เป็นใหญ่ที่ครอบครองผืนโลกเอาไว้สายพันธุ์เดียว ด้วยเกรงว่าเหล่าออโตมาต้าหรือไซบอกที่ถูกออกแบบเอาไว้ใช้งานต่างๆตั้งแต่แม่บ้านจนถึงงานกรรมกรในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีพัฒนาการและเรียนรู้ที่จะปรับปรุงระบบของตัวเองจนมนุษย์ไม่สามารถควบคุมอยู่ได้
แต่ก็เกิดขึ้น….
แจ็ค วัลแคล นำแสดงโดย แอนโตนิโอ แบนเดรัส (เดสเปราโด้,เดอะสกิน ไอ ลีฟอิน) พนักงานผู้ตรวจสอบการรับประกันของบริษัทหุ่นออโตมาต้าค้นพบว่ามีหุ่นที่สามารถปรับปรุงซ่อมแซมและอัพเกรดตัวเองได้ เป็นเงื่อนงำไปสู่การไล่ล่าและค้นหามนุษย์ผู้ที่ดัดแปลงหุ่นยนต์อันเป็นประตูสู่การล่มสลายของมนุษยชาติ
ด้วยการใส่รายละเอียด ตีความอย่างลุ่มลึกของผู้กำกับทำให้การแสดง งานออกแบบงานสร้าง การออกแบบเสียงและการตัดต่อออกมาได้อย่างประณีตและช่วยเพิ่มพลังให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมหาศาล ด้วยเรื่องเกิดขึ้นในยุคอนาคตอันห่างไกล การออกแบบโลกอนาคตทำได้ไม่ต่างหนังฮอลลีวู้ดของฝั่งอเมริกา ชวนให้นึกถึงฉากโลกอนาคตจากภาพยนตร์ไซไฟอย่างเรื่อง เฮอร์ , คลาวด์แอทลาส หรือ ฟิฟอิลิเมนท์ แต่ในออโตมาต้านี้ฉากเมืองยุคอนาคตนั้นผ่านการตีความถึงยุคที่โลกมนุษย์กำลังเสื่อมถอดและใกล้สูญสลาย การออกแบบฉากทำให้โลกอนาคตค่อนข้างเสื่อมโทรมคล้ายๆกองขยะหรือสลัมก็ไม่ปาน ให้บรรยากาศที่ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ซึ่งน่าสนใจดี การใช้สีในภาพยนตร์ค่อนข้างหนักไปทางโทนฟ้าและขาว และเป็นโทนธรรมชาติ ซึ่งเปรียบเสมือนทะเลทรายอันแห้งแล้ง ส่วนงานด้านภาพถ่ายทอดออกมาค่อนข้างราบรื่น การเคลื่อนไหวกล้องพยามทำให้เล่าเรื่องจากฉากและการแสดงมากที่สุด ไม่ได้สื่อสารผ่านการเคลื่อนกล้องมากนัก การตัดต่อก็เช่นกัน
หากใครที่เสพภาพยนตร์ไซไฟฟากฮอลลีวู้ดมามากและเริ่มเอียนๆกับวิทยาการล้ำสมัยกับเรื่องราวแอคชั่นบู๊ระห่ำ อยากแนะนำให้ลองมาดูออโตมาต้า ภาพยนตร์ไซไฟอีกแนวที่ไม่ได้เน้นการไล่ล่าแอคชั่นมันส์หยด แต่เน้นสื่อสารและเข้าใจ และก็ไม่ได้เสพยากอะไรก็ภาพยนตร์ไซไฟทั่วๆไป หากลองเปิดใจรับชม คุณจะไม่พบความผิดหวังจากออโตมาต้าเลยจริงๆ