เมื่อปี 2017 หนังไซไฟรัสเซียเริ่มส่งออกเป็นสินค้าวัฒนธรรมสู่ระดับโลกมากขึ้น บ้างก็ปังบ้างก็แป้กแต่มีหนังเอเลียนบุกโลกอย่าง Attraction ที่แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายแต่ผลตอบรับเชิงประจักษ์ของมันก็มากพอจะทำให้ผู้สร้างเข็นภาคต่อออกมาในปีนี้ภายใต้ชื่อ Invasion หรือจะเรียกให้เต็มยศก็ต้องเป็น Attraction 2 : Invasion ที่เหมือนจะให้คนดูตั้งตารอได้เลยว่าคราวนี้เอเลียนตัวร้ายจะ “บุก” โลกยังไง
หลังรอดชีวิตด้วยเทคโนโลยีเอเลียน ยูเลีย (อิรินา สตาร์เชนบอม) ลูกสาวนายพลใหญ่ของกองทัพต้องตกอยู่ในอารักขาจากเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวดและยังต้องตกเป็นหนูทดลองให้งานกลาโหมอีก แต่เมื่อภัยจากต่างดาวยังคงคืบคลาน ยูเลียก็ได้กลับมารวมตัวกับ อัตโยม (อเล็กซานเดอร์ เปตรอฟ)และฮาร์คอน (รีนัล มุกคาเมตอฟ)เพื่อหาทางหยุดยั้งภัยร้ายจากต่างดาวอีกครั้ง
ก่อนจะว่าถึงตัวหนังขอสารภาพตามตรงว่าผมเข้าโรงไปดูหนังโดยได้ดูตัวอย่างหนังฉบับพากย์ไทยแค่ไม่กี่รอบและยังไม่เคยดู Attraction หนังภาคแรกเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยซ้ำดังนั้นความรู้สึกของการดูหนังใน 30 นาทีแรกเลยเหมือนถูกอัดข้อมูลที่ไม่คุ้นเคยว่าทำไมยูเลียถึงมีความสำคัญขนาดต้องมีบอดีการ์ดและรัฐบาลจะทดลองตัวยูเลียไปทำไมก็ไม่ทราบ แม้หนังจะเปิดเรื่องด้วยความเดิมตอนที่แล้วทว่ากลับนำเสนอแบบแอนิเมชันที่ยากเกินกว่าจะจับใจความเรื่องราวหนังภาคแรกได้หมด
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือต้องยอมรับว่าหนังมีไอเดียหลายอย่างที่น่าสนใจในตัวเองนะครับทั้งหุ่นยนต์เอเลียนของรัฐบาลและการทดลองนางเอกแต่พอไปซักกลาง ๆ เรื่องหนังเหมือนปูอะไรไว้ต้นเรื่องก็คือทิ้งหมด ไอ้หุ่นยนต์ก็แค่เอาไว้ให้ตัวละครในเรื่องใช้หนีจากทหารบุกโจมตีเท่านั้นหรือการทดลองนางเอกสุดท้ายหนังก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่ว่านางเอกสามารถติดต่อสื่อสารกับเอเลียนได้(หรือเปล่า)
ยิ่งเอาอัตโยมกับฮาร์คอนเข้ามาก็ทำให้หนังไปโฟกัสที่ความสัมพันธ์ของ 3 คนนี้ที่งง ๆ แปลก ๆ ประหนึ่งนางเอกเคยทิ้งอัตโยมที่เป็นมนุษย์ไปหาฮาร์คอนเอเลียนสุดหล่อจนในภาคนี้อยู่ดี ๆ อัตโยม นางก็จะเล่นบทฮีโรทั้งที่ตัวเองเป็นเส้นเลือดในสมองแตกคอยปกป้องยูเลียแต่เรากลับไม่รู้สึกว่าเขาจริงใจกับฮาร์คอนยังไงก็ไม่รู้เลยเหมือนหนังจะเพิ่มประเด็นความสัมพันธ์ตัวละครที่ซับซ้อนเกินความจำเป็นไปหน่อย
และยังไม่ทันที่เราจะทำความเข้าใจกับเรื่องราวของตัวละครหลัก อยู่ดี ๆ หนังก็พุ่งเป้าไปที่เจตนารมณ์ของเอเลียนที่ต้องการกำจัด ยูเลีย (อีกแล้ว) โดยเอาโลกเป็นตัวประกันและวิธีการของมันก็แสนจะเจ้าเล่ห์ด้วยการปล่อยเฟกนิวส์ ! ทางสื่อดิจิทัลเพื่อให้มนุษย์หันมาเล่นงานยูเลีย ซึ่งตรงนี้มองเผิน ๆ เหมือนจะเป็นไอเดียล้ำ ๆ ของหนังแต่คิดให้ดีก็เหมือนหนังจะตีหัวคนดูในประเทศว่าอย่าเชื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นเหมือนอาวุธจากต่างดาวแต่ให้เชื่อข่าวสารจากรัฐบาลแบบอนาล็อกเท่านั้นจนอยู่ดี ๆ หนังก็กลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาลไปซะงั้นน่ะ
และไม่ได้แค่พลอตรักสามเส้าหรืองานมะรุมมะตุ้มรุมฆ่ายูเลียเท่านั้น หนังยังสร้างกำแพงและเสริมด้วยบันไดที่ซับซ้อนราวกับบันไดเพนโรสในหนัง Inception ด้วยการยกประเด็นคุณค่าของมนุษย์กับคุณค่าของปัญญาประดิษฐ์หรือ Ai ซึ่งเป็นการกล่าวทั้งทางตรงอย่างเจ้าดาวเทียมสังหารจากต่างดาวที่ชื่อว่า “รา” ไปจนถึงการกล่าวเปรียบเปรยไปถึงการร่วมกันต่อสู้ระหว่างตัวละครนำทั้ง 3 ที่บางทีเราก็ไม่เข้าใจการตัดสินใจของพวกเขาเท่าไหร่จนไอ้ปรัชญาAIที่ว่ากลายเป็นของยากไปเลยเพราะบทหนังก็ให้มนุษย์ตัดสินใจประหลาด ๆ เพียงเพื่อให้มีฉากแอ็กชันท้ายเรื่องนาน ๆ อีกนิดเท่านั้นเอง
สรุปแล้วInvasionกลายเป็นหนังภาคต่อที่ถูกทำการตลาดประหนึ่งเป็นหนังเรื่องใหม่จนคนดูที่เข้าโรงได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก ซึ่งอาจจะด้วยว่าหนังภาคแรกถูกจัดจำหน่ายโดย Mono Films ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น M Picture ในภาคนี้ซึ่งการเข้าไปดูหนังโดยไม่เคยรู้ข้อมูลอะไรมาก่อนก็ทำให้ผู้ชมงงมากกว่าจะสนุกสนานไปกับหนังและยิ่งตัวหนังถูกบอกเล่าให้ยากด้วยปรัชญาที่ไม่จำเป็นก็ทำให้มันกลายเป็นยาขมผสมยานอนหลับไปอย่างน่าเสียดาย