เพราะวัยรุ่นทุกคนต่างล้วนมีความฝันเป็นของตัวเอง และอยากโตเป็นผู้ใหญ่โดยไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่การส่งตัวเองไปถึงฝั่งฝันอาจต้องอาศัยทางลัดนิดหน่อย และทางลัดของ วาเรน ก็คือการโจรกรรมหนังสือหายากมูลค่า 12 ล้านเหรียญ ที่หลับใหลอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แต่เขาต้องอาศัยแผนการและฟอร์มทีมโจรกรรมฝีมือฉกาจ เขาจึงศึกษาแผนการโจรกรรมจากหนังดังหลายเรื่อง และรวบรวมทีมยอดฝีมือที่ประกอบไปด้วยศิลปินผู้มีความทะเยอทะยาน สเปนเซอร์ นักบัญชีดาวรุ่ง เอริก และชายผู้คลั่งไคล้การฟิตกล้าม ชาส เมื่อเหล่าตัวแสบมารวมตัวกัน การโจรกรรมสุดเพี้ยนที่อุกอาจที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกาจึงเริ่มขึ้น
เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้แปลกและน่าสนใจมากๆ เพราะนอกจากที่ตัวหนังจะเล่าเรื่องแบบ feature film ปกติแล้ว หนังยังมีการเล่าเรื่องแบบ documentary เพิ่มเข้าไปอีก เพราะมันเป็นหนังที่ based on true event นั่นจึงทำให้วิธีการเล่าแบบนี้ มีความแปลกใหม่ สนุก น่าสนใจ และชวนให้ติดตามสุดๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่ดีคือเรื่องของเพลงประกอบและวิธีการลำดับภาพที่ทำออกมาได้ดีและดึงดูดให้ตัวหนังมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก
สิ่งหนึ่งที่ต้องขอชมเลยคือตัวนักแสดง Barry Keoghan ที่ดึงให้เราอยากไปดูหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะเราชอบตั้งแต่ตอนเล่น Dunkirk และ The Killing of a Sacred Deer แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เป็นการเปลี่ยนคาแรคเตอร์แล้วดูเจ๋งขึ้นไปอีกขั้น ชอบจัง
ชอบที่ตัวหนังมันเป็นหนังที่ให้ข้อมูล feature film กึ่ง documentary มันเลยไม่ได้สรุปว่าแท้จริงแล้ว ข้อมูลที่เล่ามาทั้งหมดถูกต้อง เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร เพราะมุมมองการเล่าของทุกคนล้วนแตกต่างกัน จนแทบหความจริงไม่เจอ แต่นั่นก็อาจไม่ได้สำคัญเท่ากับผลกระทบที่เกิดขึ้นสำหรับสิ่งที่ทั้งหมดได้ทำลงไป เพราะนั่นคงเป็น fact ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำในอดีตก็จะยังคงเป็นบาดแผลของเราต่อไปเสมอ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนได้เรียนรู้ รวมทั้งตัวผู้ชมเองด้วย ถึงแม้เวลาจะผ่านและล่วงเลยไปนานแค่ไหนก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความจริงที่เราเคยทำไว้ มันจะยังคงติดอยู่กับเราเสมอ แม้ว่าผู้คนรอบข้างจะลืมเลือนมันไปก็ตามที
ชอบที่ตัวหนังมันเป็นหนังที่ให้ข้อมูล feature film กึ่ง documentary มันเลยไม่ได้สรุปว่าแท้จริงแล้ว ข้อมูลที่เล่ามาทั้งหมดถูกต้อง เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร เพราะมุมมองการเล่าของทุกคนล้วนแตกต่างกัน จนแทบหความจริงไม่เจอ แต่นั่นก็อาจไม่ได้สำคัญเท่ากับผลกระทบที่เกิดขึ้นสำหรับสิ่งที่ทั้งหมดได้ทำลงไป เพราะนั่นคงเป็น fact ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว