ชื่อมันบอกว่า Alone in the Dark …โทษนะคับผม มันอโลนกะป้ะตรงไหนฟะ
Alone in the Dark เป็นเกมมาก่อนครับ คอเกมแนวลึกลับย่อมรู้จักมักจี่กันดี นี่จัดเป็นเกมโรคจิตและน่ากลัวอีกเกมเลยล่ะครับ คุณต้องเดินคนเดียวในสถานที่มืดๆ มีโอกาสเจอผีและตัวบ้าตัวบอสารพัด ดังนั้นพอมาสร้างเป็นหนัง ผมก็สนใจครับ มันน่าจะเข้าท่าอ้ะ โดยพล็อตแล้วมันจะเป็นหนังสืบสวนปนสยองได้ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง
แต่เหงื่อเริ่มมาตกพอได้ยินว่าพี่ Uwe Boll มากำกับ
จะไม่ให้เหงื่อตกได้ไงครับ ก็พี่ท่านคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ทำ House of The Dead อ้ะดิ ไอ้เรื่องนั้นก็สร้างจากเกมสยองไล่ยิงซอมบี้ที่มันส์และสนุกปนสยองดีมากอีกเกมหนึ่ง แต่ผลที่ได้ออกมาก็เล่นเอาผมจะบ้าน่ะครับ ความสนุกไม่เจอ ความมันส์ก็ไม่มี เอาเกมมายำซะไม่เหลือเลยอ้ะ แล้วพี่แกดันมาทำเรื่องนี้อีก
และผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เล้ย
Christian Slater มารับบทเป็น เอ็ดเวิร์ด คาร์นบี้ นักสืบเอกชนที่ต้องมาพัวพันกับกลุ่มคนลึกลับที่ดูเหมือนจะมีแผนบางอย่าง แล้วไปๆ มาๆ พี่ท่านก็ต้องเผชิญกับกองทัพอสูรที่พร้อมจะตรงเข้ามาจู่โจมโลกของเรา งานนี้พี่ท่านเลยต้องหาทางขัดขวางครับ
เอ่อ คือ … เฮ่อ โอเคครับผมทำใจได้แล้ว (ฮือๆๆๆๆ)
หนังมัน อ้า อันนี้พูดเฉพาะตัวหนังนะครับ เนื้อเรื่องมันเป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้วล่ะ พระเอกต้องเจอกับพวกตัวประหลาด แล้วก็ต้องหาทางปราบมัน โดยมีคนจากองค์กรลับของรัฐมาร่วมแรงในการสู้ด้วย ก็ไม่ต่างจากพวก Aliens หรือหนังแนวสัตว์โลกน่ารักหรอกครับ และผลที่ได้คือเป็นอะไรที่เดากันออกมานานแล้วด้วย ต้องมีฉากปีศาจบุกฆ่าคน ฉากยิงกันหูดับ มีฉากระเบิด (ไม่มีถือว่าเป็นอัปมงคลครับ)
แล้วมัน Alone ตรงหนายเพ่ ในเกมมันสืบไปสยองไป มืดๆ น่ากลัวๆ แต่นี่พี่เล่นเอาเอเลี่ยนทั้งกองทัพแล้วก็หน่วยรบทั้งกรมกองมาทำสงครามเนี่ย บ้านพี่เขาเรียก Alone เหรอครับ โธ่
คือผมว่าตั้งชื่อใหม่เป็นอีกเรื่องเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ เล่นเอาชื่อเกมมาปู้ยี่ปู้ยำอีกแล้วอ้า แล้วความสนุกก็ต้องบอกว่าน้อยจนแทบหาไม่เจอครับ เพราะมันเดิมๆ น่ะฮะ มีตัวประหลาดออกมา เราก็ไล่ยิงไป มีตัวประกอบมาตายให้เราดูซักโหลสองโหล แล้วพอตอนจบระเบิดก็จัดการถล่มไอ้พวกบ้านี่
โอเคครับ สูตรธรรมดาจริง แต่ถ้าหากทีมงานสามารถสร้างความตื่นเต้นได้มันก็ยังพอไหวน่ะ แต่ทว่ากับเรื่องนี้ สูตรเดิม ทุกอย่างตามสูตรไม่มีอะไรแหวกทั้งสิ้น ฉากสยองก็เรียบวุธไม่มีอะไรให้น่ากลัวเท่าไหร่
เมื่อหนังเป็นแบบนี้ก็คงต้องว่ากันตามจริงล่ะครับ ไม่รู้จะอ้อมไปไหน ความสนุกและความน่าติดตามมันติดดินแบบสุดๆ ไปเลย ดาราจริงๆ ก็ดีนะครับ ไม่ว่าจะ Slater, Tara Reid (ซึ่งในเรื่องนี้ดูไฉไลขึ้นเยอะนะ ผมว่า) และ Stephen Dorff ดาราถือว่าพอมีระดับน่ะครับ แต่เผอิญบทหนังมันไม่ไปไหน เลยทำให้ดาราช่วยไม่ได้โดยปริยาย
อยากเสี่ยงผมก็ไม่ห้ามครับ แต่ผมเตือนแล้วนะเนี่ย