A Quiet Place (2018) ดินแดนไร้เสียง เป็นหนังระทึกขวัญ เรื่องล่าสุดที่มีการลงทุนไม่มากนักแต่สามารถทำรายได้ถล่มทลาย และสามารถท้าทายหนังฟอร์มใหญ่อย่างเช่น Pacific Rim 2 และReady player one ที่เข้าฉายในช่วงเวลาเดียวกันได้ แม้แต่ในประเทศไทยเองก็สามารถสร้างรายได้อย่างสูงลิ่ว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากกระแสการวิจารณ์ในแง่บวกของบรรดานักวิจารณ์ภาพยนตร์ แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือบทภาพยนตร์สั้นเรื่องของภาพยนตร์และความสามารถของผู้กำกับและคนเขียนบทเอง
A Quiet Place ดินแดนไร้เสียง เป็นหนังที่สร้างเงื่อนไขได้อย่างชาญฉลาดคือ ต้องเงียบที่สุด ใช้ชีวิตอย่างไรให้เงียบที่สุด หากไม่เงียบต้องตาย ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าเป็นการท้าทายอย่างมากสำหรับผู้กำกับและคนเขียนบทที่จะต้องทำหนังออกมาให้เงียบตลอดทั้งเรื่องตาม theme ของหนัง หนังเงียบในขณะที่ว่ามันได้ส่งแรงออกมาจนถึงผู้ชมในโรงภาพยนตร์ ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างง่ายดายเพราะความกดดันจากเงื่อนไขของหนังนี่เอง เชื่อได้ว่าหากใครหลายคนได้ชมในโรงภาพยนตร์ บรรยากาศจะเงียบมากเงียบขนาดที่ว่าใครเคี้ยวป๊อปคอร์น ดูดน้ำ ขยับตัว ทุกคนในโรงภาพยนตร์จะได้ยินเลยทีเดียว
การวางเงื่อนไขให้หนังต้องเงียบนั้น เป็นเรื่องท้าทาย ที่จะต้องสื่อสารความเงียบให้ผู้ชนได้รับรู้ ตัวละครจะต้องสื่อสารกันในความเงียบ ใช้ทั้งภาษาใบ้ ภาษาร่างกายสีหน้าและแววตาในการสื่อสารการตลอด 90 เปอร์เซ็นต์ของเรื่อง ต้องเงียบในขณะที่ว่าเสียงดังเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ตัวละครต้องตายได้ เช่นใน 5 นาทีแรกผู้ชมจะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งความเงียบในร้านขายของร้านหนึ่ง ตัวละครจะต้องสื่อสารกันด้วยภาษาใบ้
เดินให้เงียบที่สุด ทำของตกไม่ได้ ไม่นานจากนั้นความอันตรายจากเสียงดังคนดูรอไม่นานจากนั้ ซึ่งตัวละครตัวหนึ่งทำเสียงดังเพียงแค่เสียงจากของเล่นจนเกิดอันตรายกับตนเอง จากนั้นคนดูก็เข้าสู่ความเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง ความเงียบของหนังทำให้คนชมอึดอัด ไม่กล้าทำให้เกิดเสียงเพราะกลัวคนในโรงหนังคนอื่นจะได้ยิน หรืออาจจะเงียบเพราะเอาใจช่วยตัวละครก็เป็นได้ นี่คือสิ่งที่ประสบความสำเร็จที่ผู้กำกับหนังตั้งใจจะทำไว้ และมันได้ผลชะงัดเป็นอย่างยิ่ง
ความอันตรายจากการเงียบนั้น หนังชาญฉลาดมากเล่าเรื่องได้แม้ในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องใช้เสียงแต่กลับไม่ใช้เสียง เช่นตัวละครบาดเจ็บอย่างรุนแรงก็ไม่อาจใช้เสียงได้ นี่คือหนึ่งในความกดดันที่คนดูสามารถรับรู้และเป็นส่วนร่วมของหนัง นอกจากนี้ในหนังทำให้เห็นว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่กับความเงียบได้อย่างไรเช่นเอาทรายมารองพื้นทางเดิน ถอดรองเท้าเดิน การระวังการเดินบนพื้นไม้ การซักผ้า การกิน หรือเตรียมแผนต่าง ๆ หากเกิดภัยร้ายเป็นต้น
ความฉลาดหนึ่งของผู้กำกับคือ เมื่อหนังเกิดความอึดอัดมาก ผู้กำกับก็ใส่เสียงไปเพื่อให้คนดูผ่อนคลายเช่นเสียงเพลงจากหูฟังของโทรศัพท์ เสียงของธรรมชาติบางอย่าง หรือเสียงตกใจอย่างรุนแรง คนดูก็จะถอนหายใจลดความอึดลงไปได้บ้าง
ผู้กำกับสามารถวางอันตราย ที่เกิดขึ้นไว้อย่างต่อเนื่องแบบ Non Stop วางจากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่งอย่าลื่นไหล เราต้องเอาใจช่วยให้ตัวละครผ่านพ้นแต่ละช่วงอันตรายไปให้ได้ ความอึดอัดแบบนี้เกิดขึ้นในภาพยนตร์ระดับตำนานเช่น สปีดเร็วกว่านรก หรือ jaws เป็นต้น
หนังใช้ตัวละครเล่นน้อยเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น และอีก 2 ตัวประกอบ (2 ตัวประกอบนี้แม้จะมาในช่วงเวลาเพียงสั้นๆแต่ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้ผู้ชมเห็นถึงอันตรายจากการใช้เสียงได้เป็นอย่างดี) ตัวละครทั้ง 4 มีความสามารถยอดเยี่ยมในการแสดง เอมิลี บลันต์ ผู้รับบทเป็นแม่จะต้องทนทุกข์จากการเจ็บปวดทั้งจากความสูญเสียหรือความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บ แต่ต้องกลั้นเสียงเอาไว้เพื่อให้ตัวเองรอดตายจากอันตรายที่จะเกิดขึ้น เป็นการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาอย่างยอดเยี่ยม และ จอห์น คราซินสกี้ ผู้รับบทเป็นพ่อ จะต้องแสดงออกถึงความพยายามในการนำพาครอบครัวให้รอดพ้นจากอันตรายไปให้ได้ ต้องแสดงออกถึงความรักจากพ่อสู่ครอบครัวให้ได้ ซึ่งก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน ส่วนนักแสดงเด็กทั้งสองคน ก็มีความสามารถในการเล่นเกินกว่าผู้ใหญ่ ควรได้รางวัลออสการ์ทั้งครอบครัว
กล่าวโดยสรุป A Quiet Place ดินแดนไร้เสียง นับเป็นการชมหนังในโรงฯ ที่มีคนเยอะมากแต่เงียบมากกกกกกก ไม่มีเสียงขยับ ดูดน้ำ หรือเคี้ยวป๊อปคอน ราวกับว่าส่งเสียงดังแล้วเราจะตายไปด้วย เกิดอารมณ์เหมือนดู Jaws ไม่กล้าลงน้ำ ผู้กำกับเล่นกับความเงียบได้เก่งมาก เชื่อว่าน่าจะเป็น Talk Of The Town ในโลกภาพยนตร์สำหรับปีนี้เลยก็ว่าได้ แนะนำให้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้นเพราะจะสามารถซึมซับบรรยากาศและภัยจากเสียงได้เป็นอย่างดียิ่ง