7 Days in Entebbe คือภาพยนตร์ซึ่งสร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1976 หรือเมื่อเกือบ 41 ปีก่อน แต่คนรุ่นหลังอย่างเช่นคนยุค Gen Y (คนที่เกิดในช่วงปี 1980-2000) และคนยุค Gen Z (ที่เกิดหลังปี 2000) อาจไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวเหตุการณ์สุดระทึกครั้งนั้นมาก่อน
หากมีการจัดอันดับวิกฤตจี้ตัวประกันครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ย่อมมีชื่อของเหตุการณ์ที่เอนเทบเบ ประเทศยูกันดา ติดอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะในแง่ของความอุกอาจของผู้ก่อการร้าย จำนวนตัวประกัน และบรรดาประเทศที่เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันอีรุงตุงนัง
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ความสำเร็จของทหารอิสราเอลในปฏิบัติการชิงตัวประกัน ซึ่งไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนบนโลกในยุคนั้น ทั้งพวกที่ติดตามข่าว และกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมโดยตรง
ย้อนรำลึกเหตุการณ์บุกช่วยตัวประกันที่โลกต้องจารึก
เช้าวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 1976 จุดเริ่มต้นมาจากบนเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ (Air France) จากเมืองเทลอาวีฟ, ประเทศอิสราเอล สู่กรุงปารีส, ประเทศฝรั่งเศส เที่ยวบิน AF-139
นั่นคือ เมื่อเครื่องบินแวะจอดที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ก็ถูกสลัดอากาศ 4 คนที่แฝงตัวอยู่ในคราบผู้โดยสารจี้เครื่องบิน พร้อมควบคุมผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องกว่า 240 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอิสราเอลหรือคนเชื้อสายยิวไว้เป็นตัวประกัน ก่อนจะบังคับให้นักบินเปลี่ยนเส้นทางบินจากจุดหมายในปารีส ให้ไปลงที่สนามบิน เอนเทบเบ ในประเทศยูกันดา
แต่ก่อนที่เครื่องบินจะไปถึงเอนเทบเบ สลัดอากาศได้ควบคุมเครื่องบินไปแวะจอดเติมเชื้อเพลิงที่เมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย และอยู่ที่นั่นนานถึง 7 ชั่วโมง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประเทศยูกันดา และที่นี่เอง คือที่ซึ่งได้สร้างวีรกรรมของทหารหาญอิสราเอลใน ‘ปฏิบัติการเอมเทบเบ’ จนเป็นตำนานเล่าขานแก่คนรุ่นหลัง
ทหารฝ่ายอิสราเอลย้อนมาที่สลัดอากาศกลุ่มนี้พวกเขาเป็นใครมาจากไหน? และทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
ผู้ก่อการร้ายบนเครื่องทั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย 2 สมาชิกแนวร่วมเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Popular Front for the Liberation of Palestine /PFLP) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีแนวคิดสุดโต่ง และเคียดแค้นชาวยิวเป็นทุนเดิม จากปมขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ เรื่องการแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของปาเลสไตน์ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล
นอกเหนือจากสมาชิกชาวปาเลสไตน์ 2 คนนี้แล้ว ยังมีสมาชิกกลุ่มกองโจร Revolutionary Cells (RZ) ที่เป็นชาวเยอรมันอีก 2 คน ซึ่งมีความจงเกลียดจงชังชาวยิวได้เข้าร่วมขบวนการก่อการร้ายยึดเครื่องบิน AF-139 นี้ด้วย
และปฏิบัติการจี้เครื่องบินครั้งนี้ อาจได้รับการสนับสนุนจากนาย อีดี อามิน ผู้นำเผด็จการทหารของยูกันดา
ผู้ก่อการร้ายจาก 2 กลุ่ม 4 คน ได้ประกาศข้อเรียกร้องขอแลกตัวประกันบนเครื่อง กับนักโทษการเมือง 53 คน (แบ่งเป็นนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกักขังในอิสราเอล 40 คน และนักโทษที่ถูกขังในประเทศอื่นๆ อีก 13 คน)
หลังเครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานเอนเทบเบ นายอีดี อามิน ผู้นำยูกันดา ได้เดินทางมาต้อนรับผู้ก่อการร้ายด้วยตัวเอง จากนั้นพวกเขาได้ควบคุมตัวประกันทั้งหมดไปยังอาคารพักผู้โดยสารเก่า เพื่อคัดแยกผู้โดยสารสัญชาติอิสราเอล และชาวต่างชาติที่มีเชื้อสายยิว ออกจากผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ ก่อนจะคุมตัวพวกเขาไปแยกขังไว้ในอีกห้องหนึ่ง